แหล่งข่าวใกล้ชิดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เปิดเผยต่อกลุ่มผู้สื่อข่าวทำเนียบขาวว่าอาการป่วยจากการติดโควิด-19 ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ยังคงน่าเป็นกังวลอย่างยิ่ง ขณะที่อีก 48 ชั่วโมงข้างหน้า ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่แพทย์ต้องดูแลเขาอย่างใกล้ชิด
“อาการของประธานาธิบดีในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมานั้นน่ากังวลอย่างยิ่ง และในอีก 48 ชั่วโมงข้างหน้าจะมีความสำคัญมากในแง่ของการดูแลเขา เรายังไม่อยู่ในเส้นทางที่ชัดเจนในการฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์” แหล่งข่าวเผย
รายงานดังกล่าวสวนทางกับความเห็นของ ดร.ฌอน คอนลีย์ แพทย์ประจำตัวของทรัมป์ ที่เปิดเผยว่าอาการของผู้นำสหรัฐฯ นั้นดีขึ้นหลังจากที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์วอลเตอร์ รีด ใกล้กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ตั้งแต่ช่วงเย็นวันเสาร์ (3 ตุลาคม) ขณะที่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าทรัมป์จะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหน
นอกจากนี้ยังมีข้อสงสัยเกิดขึ้นว่าจริงๆ แล้ว ทรัมป์นั้นติดเชื้อตั้งแต่เมื่อใด โดยก่อนหน้านี้ ดร.คอนลีย์ เผยว่า ทรัมป์ได้รับการตรวจเชื้อมาแล้ว 72 ชั่วโมง หมายความว่า การตรวจเชื้อมีขึ้นตั้งแต่ก่อนเช้าวันศุกร์ (2 ตุลาคม) ที่ทรัมป์ ประกาศผ่านทวิตเตอร์ว่า เขามีผลตรวจเชื้อเป็นบวก
ดร.คอนลีย์ ยังระบุว่า ได้เริ่มให้การรักษาทรัมป์ตั้งแต่ 48 ชั่วโมงก่อน ซึ่งคาดว่าเป็นช่วงวันพฤหัสบดี (1 ตุลาคม) ที่ผ่านมา ก่อนที่เขาจะแก้ไขข้อมูลภายหลังและยอมรับว่าใช้คำผิดพลาดในการระบุช่วงเวลา จากการที่ใช้ 72 ชั่วโมง แทน 3 วัน และ 48 ชั่วโมง แทน 2 วัน ซึ่งเขายืนยันว่า ทรัมป์ตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 ครั้งแรกตั้งแต่ช่วงเย็นวันพฤหัสบดี และเริ่มรับการรักษาในวันศุกร์เป็นวันแรก
ขณะที่ ดร.คอนลีย์ ยังปฏิเสธรายงานข่าวจาก The New York Times ที่ระบุว่าทรัมป์นั้นต้องใช้เครื่องให้ออกซิเจน หลังเกิดอาการหายใจติดขัด โดยยืนยันว่าไม่มีการให้ออกซิเจนแก่ผู้นำสหรัฐฯ รวมถึงไม่พบว่ามีอาการหายใจติดขัดแต่อย่างใด พร้อมทั้งยืนยันว่าทรัมป์นั้นยังมีกำลังใจดีเยี่ยม
ทางด้านประธานาธิบดีทรัมป์ได้ทวีตข้อความชื่นชมแพทย์และพยาบาล รวมถึงเจ้าหน้าที่ทุกคนของโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์วอลเตอร์ รีด หลังจากก่อนหน้านี้ เขาได้เผยแพร่คลิปวิดีโออ่านคำแถลงยืนยันว่าอาการของเขาดีขึ้นมากภายหลังเดินทางเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งนี้
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: