ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์บนเวทีประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เนื่องในโอกาสครบรอบ 80 ปีแห่งการก่อตั้งองค์การสหประชาชาติ โดยกล่าวโจมตี UN ว่าเป็นพลังอำนาจระดับโลกที่ไร้ความรับผิดชอบ ฉ้อฉล และเป็นอันตราย และชี้ว่า UN ควรดำเนินรอยตามแบบอย่างความเป็นผู้นำของเขา
ทรัมป์ยังใช้โอกาสนี้แสดงท่าทีต่อต้านนโยบายการเปิดรับผู้อพยพต่างชาติ โดยเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ปิดพรมแดนและขับไล่ผู้อพยพต่างชาติ และกล่าวหา UN ว่าเป็นผู้นำ “วาระการอพยพของกลุ่มโลกนิยม” และกล่าวกับผู้นำประเทศต่างๆ ว่า UN กำลัง “สนับสนุนเงินทุนในการโจมตีประเทศของพวกเขา” โดยชี้ให้เห็นถึงตัวอย่างโครงการของ UN ที่เขาอ้างว่าจัดหาอาหาร ที่พักพิง และบัตรเดบิตเพื่อสนับสนุนการเดินทางของผู้อพยพไปยังสหรัฐฯ
“ถึงเวลายุติการทดลองเปิดพรมแดนที่ล้มเหลวแล้ว พวกท่านต้องยุติมันเดี๋ยวนี้ประเทศของพวกท่านกำลังจะตกนรก” ทรัมป์กล่าว
ขณะที่เขายังกล่าวโจมตีผู้นำยุโรปโดยตรง โดยกล่าวหาว่ากำลังทำลายมรดกของประเทศตนเอง โดยอนุญาตให้มีการอพยพระหว่างประเทศเพราะ ‘ความถูกต้องทางการเมือง’ ซึ่งเขามองว่าเป็นนโยบายที่ผิดที่ผิดทาง
ภาวะโลกรวน คือ ‘การหลอกลวงที่ยิ่งใหญ่ที่สุด’
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวโจมตีโครงการพลังงานสีเขียว ว่าเป็นการกระจายการผลิตพลังงานจากประเทศพัฒนาแล้ว ไปยังประเทศที่ก่อมลพิษ ซึ่งละเมิดกฎเกณฑ์และกำลังทำเงินมหาศาล
“หากคุณไม่ยับยั้งผู้คนที่คุณไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ที่คุณไม่มีอะไรเหมือนกัน ประเทศของคุณจะล้มเหลว ผมเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา แต่ผมกังวลเกี่ยวกับยุโรป ผมรักยุโรป ผมรักประชาชนชาวยุโรป และผมเกลียดที่เห็นยุโรปถูกทำลายล้างด้วยพลังงานและการอพยพ ปีศาจสองหางที่ทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่าง”
ทรัมป์ยังกล่าวประณามความตกลงปารีส หรือความตกลงตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่เขาถอนสหรัฐฯ ออกจากความตกลงในช่วงดำรงตำแหน่งสมัยแรก โดยเรียกการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศว่าเป็น “การหลอกลวงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก” และเยาะเย้ยแหล่งพลังงานหมุนเวียนอย่างฟาร์มกังหันลม ว่าเป็นผลผลิตของ “วาระพลังงานสีเขียว” ที่ทำให้ประเทศต่างๆ ตกอยู่ใน “ขอบเหวแห่งการทำลายล้าง”
“ในความคิดของผม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคือการหลอกลวงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับโลก คำทำนายทั้งหมดนี้ที่สหประชาชาติและหน่วยงานอื่นๆ ได้ทำไว้ ซึ่งบ่อยครั้งด้วยเหตุผลที่ไม่ดี ล้วนผิดพลาด” เขากล่าว และชี้ว่า “การอพยพและต้นทุนที่สูงของสิ่งที่เรียกว่าพลังงานหมุนเวียนสีเขียว กำลังทำลายโลกเสรีส่วนใหญ่และโลกของเราส่วนใหญ่”
“คุณจำเป็นต้องมีพรมแดนที่แข็งแกร่งและแหล่งพลังงานแบบดั้งเดิม หากคุณต้องการกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง”
ต่อต้านรับรองรัฐปาเลสไตน์ เตือนเก็บภาษีกดดันรัสเซีย
ในประเด็นสงครามและความขัดแย้งนั้น ทรัมป์ย้ำข้อกล่าวอ้างว่าเขา เป็นผู้ที่สามารถยุติสงครามได้ 7 แห่งในช่วง 8 เดือนที่ดำรงตำแหน่ง ขณะที่วิจารณ์ UN ว่าทำได้เพียงการ “พูดลอยๆ” และไม่ได้ช่วยให้การเจรจาบรรลุผล
“สหประชาชาติมีศักยภาพมหาศาล แต่ยังไม่สามารถบรรลุศักยภาพนั้นได้ ดูเหมือนว่าสิ่งที่พวกเขาทำคือเขียนจดหมายที่มีถ้อยคำหนักแน่น แล้วก็ไม่เคยเขียนจดหมายฉบับนั้นต่อเลย มันเป็นเพียงคำพูดลอยๆ และคำพูดลอยๆ ไม่ได้แก้ปัญหาสงคราม สิ่งเดียวที่จะแก้ปัญหาสงครามและสงครามได้คือการลงมือทำ”
โดยกรณีความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ ทรัมป์ไม่เห็นด้วยกับความพยายามของผู้นำโลกในการรับรองรัฐปาเลสไตน์ ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่เผชิญกับการต่อต้านอย่างรุนแรงจากอิสราเอล
“รางวัลตอบแทนนั้นสูงเกินไปสำหรับกลุ่มก่อการร้ายฮามาส สำหรับความโหดร้ายของพวกเขา”
โดยทรัมป์ย้ำถึงข้อเรียกร้องให้ฮามาสปล่อยตัวประกันที่เหลือ และกล่าวว่าสหรัฐฯ ต้องการข้อตกลงหยุดยิงเพื่อตัวประกัน ซึ่งจะทำให้ตัวประกันที่เหลือทั้งหมด ทั้งที่ยังมีชีวิตและตายไปแล้ว ได้กลับประเทศ
“เราต้องยุติสงครามในฉนวนกาซาทันที เราต้องเจรจาสันติภาพทันที” เขากล่าว
ส่วนกรณีสงครามในยูเครน ทรัมป์ย้ำข้อเสนอที่จะเก็บภาษีศุลกากรรัสเซียอย่างหนักเพื่อยุติการรุกรานยูเครน แต่เน้นว่าประเทศในยุโรปจะต้องหยุดซื้อพลังงานจากรัสเซียก่อน
“เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้ แม้แต่ประเทศ NATO ก็ยังไม่ได้ตัดพลังงานและผลิตภัณฑ์พลังงานจากรัสเซียมากนัก ซึ่งผมเพิ่งทราบเรื่องนี้เมื่อสองสัปดาห์ก่อน และผมไม่พอใจ ลองคิดดูสิ พวกเขากำลังให้ทุนสนับสนุนสงครามกับตัวเอง ใครกันเคยได้ยินเรื่องนี้บ้าง” ทรัมป์กล่าว
ภาพ : REUTERS/MIKE SEGAR
อ้างอิง: