ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดจาก The Wall Street Journal เผยว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่มองว่ากฎหมายภาษีและงบประมาณฉบับใหม่ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มคนร่ำรวยและบริษัทขนาดใหญ่เป็นหลัก แต่จะสร้างผลกระทบต่อคนจนและทำให้หนี้ของประเทศเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งทัศนคตินี้อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ของพรรครีพับลิกันในสนามเลือกตั้งกลางเทอมปีหน้า
จากผลสำรวจผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 1,500 คนทั่วประเทศ พบว่ามีผู้สนับสนุนกฎหมายฉบับนี้เพียง 42% แต่มีผู้ไม่เห็นด้วยสูงถึง 52% โดยผู้ตอบแบบสอบถามเกือบ 70% เชื่อว่ากฎหมายฉบับนี้จะช่วยเหลือคนรวยเป็นหลัก
ขณะที่กว่าครึ่งหนึ่งมองว่าจะสร้างผลกระทบในทางลบต่อคนจนและชนชั้นแรงงาน อย่างไรก็ตาม ความคิดเห็นเกี่ยวกับผลกระทบต่อตนเองนั้นยังคงก้ำกึ่ง ซึ่งเปิดโอกาสให้ทั้งสองพรรคสามารถช่วงชิงความเข้าใจของประชาชนได้
พรรคเดโมแครตมองเห็น ‘จุดอ่อน’ ครั้งสำคัญนี้ โดย ไบรอัน ชัตซ์ วุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตกล่าวว่า “นโยบายแต่ละส่วนในกฎหมายนี้ต่างก็ไม่เป็นที่นิยมอยู่แล้วในหมู่ประชาชน การนำทั้งหมดมารวมกันจึงยิ่งทำให้กฎหมายฉบับนี้ไม่เป็นที่ยอมรับในสายตาของพวกเขา” ขณะที่ ฮาคีม เจฟฟรีส์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาฯ ก็ได้ประกาศว่าพรรคจะเดินสายจัดกิจกรรมเพื่อชี้แจงผลเสียของกฎหมายนี้อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่พรรครีพับลิกันยังคงเชื่อมั่นในกฎหมายของตน โดย เจสัน สมิธ ประธานคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรกล่าวว่า “ผลสำรวจที่เป็นลบล้วนเกิดจากการโกหกของพรรคเดโมแครต”
พวกเขาวางแผนที่จะชูประเด็นที่ได้รับความนิยมสูง เช่น นโยบาย ‘ไม่เก็บภาษีทิป’ ซึ่งเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ให้กับเงินทิปที่พนักงานในภาคบริการได้รับ รวมถึงการลดหย่อนภาษีสำหรับผู้สูงอายุและค่าล่วงเวลา
ความน่าสนใจอยู่ที่กลยุทธ์การบังคับใช้กฎหมายที่พรรครีพับลิกันได้วางแผนไว้ โดยมาตรการลดหย่อนภาษีต่างๆ ที่ประชาชนชื่นชอบจะมีผลบังคับใช้ทันทีและจะเห็นผลชัดเจนก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมพอดี ในขณะที่การตัดลดงบประมาณในโครงการสวัสดิการต่างๆ ซึ่งไม่เป็นที่นิยม จะมีผลบังคับใช้หลังจากช่วงเลือกตั้งผ่านพ้นไปแล้ว เพื่อลดผลกระทบทางการเมืองในระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ใน ‘สมรภูมิ’ ทางความคิดยังคงซับซ้อน ตัวอย่างเช่น ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการ “ตัดงบประมาณ Medicaid” แต่กลับสนับสนุนอย่างท่วมท้นเมื่อมีการอธิบายว่าเป็น “เงื่อนไขที่บังคับให้คนแข็งแรงต้องทำงานเพื่อแลกกับสวัสดิการ” ซึ่งแสดงให้เห็นว่าวิธีการนำเสนอและถ้อยคำที่ใช้มีผลอย่างมากต่อการตัดสินใจของประชาชน
เจสัน สมิธ จากพรรครีพับลิกันได้กล่าวอย่างมั่นใจว่า “ปีหน้าจะยังไม่มีใครถูกตัดออกจาก Medicaid แต่สิ่งที่พวกเขาจะได้รับคือการไม่ต้องเสียภาษีทิป, ไม่ต้องเสียภาษีค่าล่วงเวลา และการลดหย่อนภาษีสำหรับผู้สูงอายุ” ซึ่งเป็นภาพที่พรรครีพับลิกันต้องการให้ประชาชนเห็นก่อนวันเลือกตั้งมาถึง
ท้ายที่สุดแล้ว กฎหมายฉบับนี้ได้กลายเป็น ‘เดิมพัน’ ครั้งสำคัญทางการเมืองของทั้งสองพรรค พรรคเดโมแครตเดิมพันว่าความรู้สึกไม่เป็นธรรมและผลกระทบระยะยาวจะทำให้ประชาชนปฏิเสธพรรครีพับลิกัน ขณะที่พรรครีพับลิกันเดิมพันว่าผลประโยชน์ทางภาษีที่จับต้องได้ในระยะสั้นจะเอาชนะความกังวลทั้งหมด ซึ่งผลลัพธ์ของการเดิมพันครั้งนี้จะถูกตัดสินในสนามเลือกตั้งกลางเทอมปีหน้า ที่จะชี้ชะตาทิศทางการเมืองของสหรัฐฯ ต่อไป
ภาพ: Carmen Mandato / Getty Images
อ้างอิง: