เมื่อนโยบายภาษีใหม่ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สร้างความโกลาหลให้ระบบการทำงานของกรมศุลกากรและป้องกันชายแดนของสหรัฐฯ (CBP) ขัดข้องติดต่อกันมากกว่า 10 ชั่วโมง
ส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บภาษีนำเข้า โดยเฉพาะกับสินค้าที่ได้รับการยกเว้นภาษีตามนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ โดยปัญหานี้ศุลกากรสหรัฐฯ ระบุว่า เกี่ยวข้องกับรหัสที่ใช้ในการยกเว้นภาษีสำหรับสินค้าที่อยู่ระหว่างการขนส่งทางเรือ ซึ่งระบบศุลกากรอัตโนมัติ ACE ไม่สามารถรับข้อมูลการนำเข้าที่มีการลดภาษีได้
แม้ตอนนี้จะปัญหาระบบดังกล่าวได้รับการแก้ไขแล้ว แต่สร้างความสับสนในวงการการค้าของสหรัฐฯอย่างมาก
แต่ทางศุลกากรสหรัฐฯ (CBP) ไม่ได้นิ่งเฉย ได้แจ้งเตือนไปยังผู้ส่งสินค้า ให้รีบยื่นเอกสารการนำเข้าสินค้าใหม่ในระบบ ACE ภายใน 10 วันหลังจากสินค้าถูกปล่อยออกจากศุลกากร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ลุ้นเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ ใน 90 วัน…ต่อลมหายใจธุรกิจไทย
- ทรัมป์ยกเว้นเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ จากจีน
- ข้าวโพดไพ่ไทยสู้ทรัมป์: ส่องไพ่ในมือ รัฐบาลไทยจะเสนอซื้อสินค้าเกษตรใดจากสหรัฐฯ
ซึ่งโดยปกติแล้ว เมื่อผู้นำเข้าสินค้าในสหรัฐฯชำระเงินค่าขนส่ง บริษัทจะต้องยื่นทั้งแบบฟอร์มการปล่อยสินค้า (cargo release) และเอกสารทางการเงินให้ไปดำเนินการชำระภาษีและรับสินค้า
แต่ในกรณีนี้ เพื่อไม่ให้การขนส่งสินค้าหยุดชะงัก ศุลกากรจึงแนะนำให้นำเข้าเฉพาะเอกสารการปล่อยสินค้าก่อน เพื่อให้สินค้าเคลื่อนผ่านกระบวนการศุลกากรได้และค่อยยื่นเอกสารทางการเงินในภายหลัง
ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่ทรัมป์จะประกาศเว้นภาษีนำเข้าชิป สมาร์ตโฟน คอมพิวเตอร์ จากจีน และประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมถึงส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆด้วย
เรียกได้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้น สร้างความปั่นป่วนให้วงการการค้าโลก โดยเฉพาะบริษัทที่ต้องดำเนินการภายใต้การเปลี่ยนแปลงภาษีที่รวดเร็ว และอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจขนาดเล็กหลายแห่ง รวมถึงระบบศุลกากรสหรัฐที่ต้องปรับตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของนโยบายภาษีให้ได้เร็วที่สุด
อีกด้านของผลกระทบของภาษี ทำให้หลายบริษัทต้องพิจารณาแผนการดำเนินงานธุรกิจใหม่ เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่คณะการทำงานของทรัมป์ไม่ได้ชี้แจงถึงการปรับอัตราภาษีได้อย่างชัดเจน
สอดคล้องกับ ริก วอลเดนเบิร์ก ซีอีโอของ Learning Resources บริษัทผลิตของเล่นในจีน กล่าวว่า สถานการณ์ภาษีสหรัฐฯทำให้เราตัดสินใจเรื่องธุรกิจได้ยากขึ้น แทนที่จะได้วางแผนการเติบโต แต่ต้องมาหาวิธีให้บริษัทอยู่รอดแทน ยิ่งในปีนี้ จากเดิมแล้วบริษัทมีแผนลงทุนสร้างอาคารใหม่ แต่ตอนนี้ต้องชะลอแผนการขยายกิจการและต้องทบทวนสถานะทางการเงินใหม่เพื่อลดค่าใช้จ่าย
“ที่เลวร้ายสุดนโยบายการค้าสหรัฐฯ อาจทำให้บริษัทเราและธุรกิจขนาดเล็กหลายร้อยแห่ง อาจล้มละลายจนต้องปิดตัวลง ถ้าเป็นเช่นนั้น สิ่งที่ตามมาคือธุรกิจธนาคารและประกันที่ให้บริการแก่ธุรกิจทั้งขนาดใหญ่และเล็กก็จะได้รับผลกระทบไปตามๆ กัน” ซีอีโอของ Learning Resources ย้ำ
ด้าน ดิวาร์ดริค แมคนีล กรรมการผู้จัดการและนักวิเคราะห์นโยบายอาวุโสจากบริษัท Longview Global กล่าวว่า ระบบขัดข้องของศุลกากรสหรัฐฯเกิดขึ้นได้ก็จริง แต่จังหวะที่เกิดนั้นถือว่าไม่เหมาะสม เพราะจะทำให้หลายประเทศตั้งคำถาม ถึงความสามารถของศุลกากรสหรัฐฯว่ามีความพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษีที่มีผลกระทบอย่างกว้างขวางและรวดเร็วได้มากน้อยแค่ไหน
ถึงกระนั้นยังคาดการณ์ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจะไม่ทำให้สินค้าชะลอตัว แต่จะทำให้บริษัทนำเข้าสินค้าต้องเพิ่มความยุ่งยากในการจัดการเอกสารเพื่อให้การขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้หลายประเทศต้องพยายามรับมือกับความไม่แน่นอนของภาษีทรัมป์ ยิ่งตอนนี้สหรัฐฯ กำลังเจรจากับมากกว่า 75 ประเทศ เพื่อตกลงกันเรื่องอัตราภาษี
ภาพ: FOTOGRIN / Shutterstock
อ้างอิง: