ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ตัดสินใจระงับการค้าปลอดภาษีกับสินค้าไทยหลายรายการ สืบเนื่องจากปัญหาด้านแรงงานที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขจนน่าพอใจ ครอบคลุมสินค้านำเข้าจากไทยราว 1 ใน 3 ที่เคยได้รับสิทธิพิเศษทางการค้าจากสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงอาหารทะเลส่งออกทั้งหมด
ในจดหมายถึง แนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ และ ไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีในฐานะประธานวุฒิสภาโดยตำแหน่ง ทรัมป์ระบุว่า ไทยไม่ได้ดำเนินมาตรการส่งเสริมแรงงานให้สามารถเลี้ยงชีพได้ตามสิทธิแรงงานสากล ดังนั้นจึงได้สั่งระงับการค้าปลอดภาษีกับสินค้าไทยหลายรายการ
ด้านสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) เผยว่า การระงับสิทธิทางการค้าครั้งนี้มีมูลค่าการค้ารวม 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.92 หมื่นล้านบาท) ภายใต้ระบบการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (Generalized System of Preferences หรือ GSP) ที่สหรัฐฯ ผ่อนปรนให้กับประเทศกำลังพัฒนา
USTR ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า การระงับสิทธิพิเศษทางภาษีของสหรัฐฯ ครั้งนี้จะมีผลในอีก 6 เดือนข้างหน้า ครอบคลุมสินค้า 1 ใน 3 ที่ไทยส่งออกไปยังสหรัฐฯ ภายใต้ระบบสิทธิพิเศษ ซึ่งรวมถึงอาหารทะเลส่งออกทั้งหมด
นอกจากไทยแล้ว สหรัฐฯ ยังทบทวนนโยบายนี้ใหม่กับหลายประเทศ โดยตัดสินใจฟื้นการค้าปลอดภาษีกับสินค้า 1 ใน 3 ของยูเครน เนื่องจากเห็นว่า ยูเครนมีการแก้ปัญหาเรื่องการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาในระดับที่น่าพอใจ
นอกจากนี้สหรัฐฯ ยังทบทวนสิทธิพิเศษทางภาษีใหม่กับแอฟริกาใต้และอาเซอร์ไบจาน โดยพิจารณาจากประเด็นการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาและสิทธิแรงงาน ตามลำดับ
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: