ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แถลงนโยบายประจำปีต่อสภาคองเกรส หรือที่เรียกว่า State of the Union ครั้งที่ 2 ที่อาคารรัฐสภา หรือ The Capitol ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยเขาย้ำว่า จะเดินหน้าสร้างกำแพงบริเวณชายแดนเม็กซิโก เพื่อป้องกันผู้อพยพผิดกฎหมายต่อไป ส่วนนโยบายต่างประเทศนั้น ทรัมป์ยังยืนกรานว่าจะถอนทหารอเมริกันกลับจากซีเรียและอัฟกานิสถาน นอกจากนี้ เขายังประกาศยืนยันว่า ซัมมิตระหว่างทรัมป์กับ คิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ จะจัดขึ้นที่ประเทศเวียดนาม ระหว่างวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์นี้
State of the Union ของทรัมป์ครั้งนี้ ถูกเลื่อนออกมาจากกำหนดการเดิม สืบเนื่องจากเกิดภาวะชัตดาวน์นาน 35 วัน ซึ่งทำให้ แนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ตัดสินใจไม่อนุญาตให้ทรัมป์ใช้สถานที่แถลงต่อสภา
สำหรับไฮไลต์สำคัญของ State of the Union ครั้งนี้ ทรัมป์เรียกร้องให้สมาชิกรีพับลิกันและเดโมแครตในสภาคองเกรสเร่งผ่านกฎหมาย เพื่อรับมือกับวิกฤตเร่งด่วนระดับชาติบริเวณชายแดนทางใต้ของสหรัฐฯ นอกจากนี้ เขายังกดดันให้รัฐสภาจัดสรรงบประมาณให้รัฐบาล “เพื่อปกป้องมาตุภูมิ และพิทักษ์ชายแดนทางใต้ของสหรัฐฯ”
“ถึงเวลาแล้วที่สภาคองเกรสจะแสดงให้โลกเห็นว่า อเมริกาต้องการหยุดผู้อพยพเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย รวมถึงกำจัดธุรกิจของแก๊งอิทธิพล ผู้ลักลอบค้ายาและค้ามนุษย์ให้หมดไป” ทรัมป์กล่าว
ทรัมป์พูดถึงชายแดนทางใต้ที่ไร้กฎเกณฑ์ข้อบังคับว่า เป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัย ความมั่นคง และการเงินของชาวอเมริกันทุกคน พร้อมย้ำว่า การยกระดับความมั่นคงบริเวณชายแดนถือเป็น ‘ประเด็นทางศีลธรรม’
ในด้านนโยบายต่างประเทศ ทั่วโลกกำลังจับตาท่าทีของทรัมป์ที่มีต่อปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในเวเนซุเอลา อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ไม่ได้กล่าวถึงนโยบายในเรื่องนี้แต่อย่างใด หลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศจุดยืนก่อนหน้านี้ว่าจะสนับสนุน ฮวน กูอาโด ผู้นำสมัชชาใหญ่ของเวเนซุเอลา ในการทำหน้าที่รักษาการประธานาธิบดีคนใหม่ชั่วคราว
ส่วนนโยบายในตะวันออกกลางนั้น ทรัมป์ยังยืนยันในเจตนารมณ์เดิมที่จะถอนทหารอเมริกันกลับจากสมรภูมิในซีเรียและอัฟกานิสถาน
“มันถึงเวลาแล้วที่จะต้อนรับทหารหาญของเราในซีเรียกลับบ้านอย่างอบอุ่น” ทรัมป์ย้ำ
แต่เขายืนกรานว่า สหรัฐฯ ยังคงมีภารกิจในการกำจัดนักรบกลุ่มรัฐอิสลาม (IS) ที่หลงเหลืออยู่
ทรัมป์พูดถึงการเจรจาสันติภาพในอัฟกานิสถานด้วยว่า เขากำลังเร่งการเจรจา เพื่อให้บรรลุข้อตกลงทางการเมืองโดยเร็ว เพื่อที่ว่าสหรัฐฯ จะได้ยุติการมีส่วนร่วมในสงครามที่ยาวนานที่สุดของสหรัฐฯ
“ทหารของเราต่อสู้อย่างองอาจ และจากความกล้าหาญของพวกเขา ทำให้เราสามารถหาทางออกทางการเมือง เพื่อยุติความขัดแย้งนองเลือดที่ดำเนินมานานได้สำเร็จ” ทรัมป์กล่าว
“ถึงเวลาแล้วที่สหรัฐฯ จะต้องพยายามทำให้เกิดข้อตกลงสันติภาพ”
ทรัมป์ยังใช้โอกาสนี้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า การประชุมสุดยอดครั้งที่ 2 ระหว่างเขากับ คิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ จะจัดขึ้นที่ประเทศเวียดนาม ระหว่างวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์นี้
“ในความเห็นของผม หากผมไม่ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ป่านนี้สหรัฐฯ คงทำสงครามใหญ่กับเกาหลีเหนืออยู่” ทรัมป์กล่าว “ยังมีงานอีกมากมายที่ต้องทำ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับ คิมจองอึน นั้นดีมาก ประธานคิมและผมจะพบกันอีกครั้งในวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์นี้ ที่ประเทศเวียดนาม”
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ยังไม่เปิดเผยชื่อเมืองที่จะรับหน้าที่เจ้าภาพจัดซัมมิตครั้งนี้ โดยแหล่งข่าวเผยว่า ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างหารือกัน แต่มีความเป็นไปได้ที่จะจัดที่กรุงฮานอยหรือเมืองดานัง
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: