×

สรุปไทม์ไลน์ ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีอะไรไปบ้าง จับตา 2 เม.ย. สหรัฐฯ ประกาศตอบโต้ Reciprocal Tariff ไทยเสี่ยงแค่ไหน?

02.04.2025
  • LOADING...
ไทม์ไลน์การขึ้นภาษีของทรัมป์ตั้งแต่มกราคม 2568 และผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยหากถูกเก็บภาษี Reciprocal Tariff 25%

หลังจากที่ โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 20 มกราคม ที่ผ่านมา ทรัมป์ยังคงเดินหน้าทำสงครามการค้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งทั่วโลกจับตาว่าวันนี้สหรัฐจะใช้ไม้เด็ด คือ “นโยบายกำแพงภาษีนำเข้า” (Tariff Barrier Policy) อย่างไร โดยทรัมป์ จะประกาศภาษีตอบโต้ ในวันที่ 2 เม.ย. (ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ) หรือช่วงวันพุธนี้ ที่ทำเนียบขาว 

 

แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว ระบุ ประธานาธิบดีจะประกาศแผนการเก็บภาษี ตอบโต้การทำการค้าไม่เป็นธรรมที่เอาเปรียบประเทศมาหลายสิบปี “ถึงเวลาแล้วที่ต้องตอบโต้ และนี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ ทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อชาวอเมริกัน”

 

THE STANDARD WEALTH สรุปไทม์ไลน์ ช่วงเวลา 2 เดือนกว่า ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีอะไรไปแล้วบ้าง ประเทศไหนได้รับผลกระทบและเสี่ยงอีก หากในวันที่ 2 เม.ย. สหรัฐฯ ประกาศ Reciprocal Tariff หรือมาตรการตอบโต้ ซึ่งนักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า หากไทยถูกเก็บภาษี 25% คาดว่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจ และ GDP อาจโตต่ำกว่า 2.4%

 

21 มกราคม

 

โดยหลังทรัมป์เข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม ยังไม่ได้มีการบังคับใช้กำแพงภาษีโดยทันที แต่ทรัมป์ระบุว่าสหรัฐฯ เตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% กับสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา ซึ่งจะบังคับใช้เร็วสุดในวันที่ 1 ก.พ. พร้อมเพิ่มภาษีนำเข้าจากจีนอีก 10% บังคับใช้เร็วสุด 4 กุมภาพันธ์

 

อย่างไรก็ตาม ทรัมป์อ้างว่า เป็นการขึ้นกำแพงภาษีเพื่อกดดันให้เม็กซิโกและแคนาดาแก้ไขปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายและปราบปรามการลักลอบขนยาเสพติดร้ายแรงอย่างเฟนทานิลเข้าสู่สหรัฐฯ

 

3 กุมภาพันธ์

 

ทรัมป์ เลื่อนการบังคับใช้กำแพงภาษีจากแคนาดาและเม็กซิโกออกไป 30 วัน หลังการต่อรองเพื่อเพิ่มมาตรการความปลอดภัยชายแดน และแก้ไขปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายและปราบปรามการลักลอบขนยาเสพติดจากสองประเทศเป็นผล

 

ทางด้านแคนาดาทำตามข้อตกลงพร้อมติดตั้งเครื่องมือ และประจำการทหารตามแนวชายแดนร่วมกับสหรัฐฯ พร้อมประสานงานสหรัฐฯ ร่วมมือปราบแก๊งอาชญากรรม ทั้งการลักลอบขนยาเสพติดเฟนทานิล และฟอกเงิน

 

ในอีกด้านนึงเม็กซิโกเพิ่มความปลอดภัยในชายแดนทางเหนือซึ่งติดกับสหรัฐฯ ด้วยกองกำลังรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ เพื่อแก้ไขปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมาย และลักลอบขนยาเสพติด

 

10 กุมภาพันธ์

 

ทรัมป์ประกาศดำเนินนโยบาย กำแพงภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากประเทศทั่วโลกเพิ่มอีก 25% มีผลในวันที่ 12 มีนาคม มีเพียงประเทศออสเตรเลียเท่านั้นที่ได้รับการยกเว้น โดยอ้างว่าเป็นการขึ้นภาษีเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากการค้าที่ไม่เป็นธรรมจากประเทศคู่ค้าทั่วโลก

 

18 กุมภาพันธ์

 

ทรัมป์เปิดเผยระหว่างแถลงข่าวกับสื่อว่า อาจมีการประกาศกำแพงภาษีนำเข้ารถยนต์ครั้งใหม่ในวันที่ 2 เมษายน พร้อมเผยรายละเอียดเกี่ยวกับภาษีนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์และยา อาจถูกเรียกเก็บในอัตรา 25% หรือมากกว่า เป็นเวลา 1 ปี

เพื่อฟื้นฟูการผลิตในประเทศ และช่วยการลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ

 

20 กุมภาพันธ์

 

ทรัมป์เผยกับสื่อว่า จะมีการเพิ่มไม้แปรรูปและผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ เข้าไปในแผนกำแพงภาษีรถยนต์ เซมิคอนดักเตอร์ และผลิตภัณฑ์ยาที่ประกาศไปก่อนหน้านี้ ซึ่งจะมีการประกาศรายละเอียดเพิ่มเติมในวันที่ 2 เมษายนที่จะถึงนี้

 

28 กุมภาพันธ์

 

ทรัมป์ยืนยันยังคงเดินหน้าขึ้นกำแพงภาษีนำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกหลังครบกำหนดเลื่อน 30 วัน ก่อนหน้านี้ และขึ้นกำแพงภาษีสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีก 10% (รวมครั้งแรกเป็น 20%) โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มีนาคมนี้

 

7 มีนาคม

 

โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระงับการขึ้นภาษี 25% สำหรับสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาที่อยู่ภายใต้ข้อตกลงสหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดา (USMCA) ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 4 มีนาคม พร้อมเลื่อนการขึ้นภาษีสินค้าเหล่านี้ไปเป็นวันที่ 2 เมษายน หรืออีกราว 1 เดือนข้างหน้า

 

โดยข้อตกลง USMCA ครอบคลุมสินค้าส่วนใหญ่ที่ซื้อขายระหว่าง 3 ประเทศ แต่ก็ยังมีสินค้าบางประเภทที่ไม่ได้รับการยกเว้นภาษีและยังคงถูกเก็บภาษีต่อไป อาทิ ผลิตภัณฑ์พลังงานบางประเภท เช่น น้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ ยังคงถูกสหรัฐฯ เก็บภาษีในอัตรา 10% ขณะที่ผลิตภัณฑ์เหล็กและอะลูมิเนียมเองก็จะยังคงถูกจัดเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 25% โดยมาตรการนี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 12 มีนาคม ซึ่งทั้งเม็กซิโกและแคนาดาต่างก็เป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของตลาดสหรัฐฯ

 

กสิกรไทยห่วง Reciprocal Tariff เสี่ยงทุบ GDP ไทยปีนี้โตไม่ถึง 2%

 

เกวลิน หวังพิชญสุข รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ปี 2568 ผลกระทบจากการขึ้นภาษีของทรัมป์ ฉุดการผลิตอุตสาหกรรมไทยให้เสี่ยงหดตัวราว 1%

 

โดยเฉพาะผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า จะได้รับผลกระทบทางตรงจากการขึ้นภาษี เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในประเทศคู่ค้าสำคัญ

 

ขณะเดียวกันที่รถยนต์ เหล็ก และอะลูมิเนียม รับผลกระทบทางอ้อมจากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ท่ามกลางเศรษฐกิจหลักของโลกที่ชะลอตัวลง

 

ณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เสริมว่า หากไทยโดนภาษีนำเข้า Reciprocal Tariff เพิ่มขึ้นอีก 10% คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อ GDP ที่ -0.3% ซึ่งผลกระทบดังกล่าวได้รวมไว้ในการประมาณการ GDP ปี 2568 ที่ 2.4% แล้ว

 

อย่างไรก็ตาม หากไทยได้รับผลกระทบจากการขึ้นกำแพงภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 25% คาดว่าจะส่งผลให้ GDP ลดลงเพิ่มอีก -0.6%

 

ทั้งนี้ ประมาณการขยายตัวของ GDP ไทยในปี 2568 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ไว้ที่ 2.4% นั้นยังมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลดลงแต่จะยังอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 2%

 

ไทม์ไลน์การขึ้นภาษีของทรัมป์ตั้งแต่มกราคม 2568 และผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยหากถูกเก็บภาษี Reciprocal Tariff 25% อัคราภาษีทรัมป์ 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising