×

วงการยาทั่วโลกสะเทือน! โดนัลด์ ทรัมป์ จ่อเก็บภาษียานำเข้าทุกชนิด 100% เริ่ม 1 ต.ค. นี้

28.09.2025
  • LOADING...
trump-pharma-tariffs-exemptions

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศผ่านโซเชียลมีเดียว่าจะเก็บภาษีนำเข้ายาทุกชนิด ทั้งที่มีตราสินค้าและที่จดสิทธิบัตร ในอัตรา 100% โดยมาตรการดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป

 

การตัดสินใจครั้งนี้สร้างความกังวลทั้งในสหรัฐฯ และทั่วโลก โดยนักวิเคราะห์เตือนว่า ผู้บริโภคอเมริกันอาจต้องเผชิญภาระค่าใช้จ่ายด้านยาที่สูงขึ้น ขณะที่บริษัทยาทั่วโลกต่างจับตาผลกระทบที่จะตามมาอย่างใกล้ชิด

 

เมื่อมาดูข้อมูลจากหน่วยงานการค้าสหประชาชาติระบุว่า สหรัฐฯ นำเข้ายามูลค่ากว่า 2.1 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2024 เพิ่มขึ้นถึงสามเท่าจากสิบปีก่อน โดยเอเชียคิดเป็นสัดส่วนราว 20% ของการนำเข้าทั้งหมด ซึ่งสะท้อนความเสี่ยงว่ามาตรการใหม่นี้อาจส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคอย่างรุนแรง นอกจากนี้ งานวิจัยยังพบว่า ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวของชาวอเมริกันในการซื้อยาที่มีใบสั่งแพทย์สูงกว่าประเทศอื่น ๆ ราวสองเท่า ปัญหาเชิงโครงสร้างนี้จึงยิ่งถูกจับตามากขึ้น

 

หากย้อนกลับไปเมื่อเดือนกรกฎาคม ทรัมป์เคยประกาศแผน ‘ให้คนอเมริกันได้ยาถูกที่สุดในโลก’ โดยผลักดันให้บริษัทยาปรับราคาขายในประเทศให้ใกล้เคียงราคาที่ขายในต่างประเทศซึ่งถูกกว่า ทว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าบริษัทผู้ผลิตได้ดำเนินการใด ๆ เพื่อตอบสนองหรือไม่

 

ด้านฝั่งอุตสาหกรรมยาแสดงความกังวลว่า ภาษีนำเข้าอาจซ้ำเติมปัญหาเดิม เพราะจะทำให้ต้นทุนการวิจัยและพัฒนายาใหม่เพิ่มขึ้น และสุดท้ายอาจยิ่งดันราคายาให้สูงกว่าเดิม 

“ทุกดอลลาร์ที่ถูกใช้ไปกับภาษี คือเงินที่ไม่สามารถนำไปลงทุนผลิตในประเทศหรือค้นคว้ายาใหม่ ๆ ได้” อเล็กซ์ ชไรเวอร์ รองประธานอาวุโส PhRMA กล่าว พร้อมย้ำว่ายาเคยได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้ามาโดยตลอด เนื่องจากการเก็บภาษีกับยามีความเสี่ยงจะทำให้เกิดภาวะขาดแคลนยา

 

อย่างไรก็ตาม มาตรการใหม่อาจไม่ส่งผลกระทบกว้างขวางอย่างที่กังวลกันนัก เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ (FDA) ยืนยันว่า ยาสามัญจะยังคงได้รับการยกเว้นจากภาษี โดยยาสามัญครองสัดส่วนถึง 90% ของใบสั่งยาที่ใช้จริงในสหรัฐฯ หากเป็นเช่นนี้ ภาระต่อตลาดและผู้บริโภคก็อาจถูกจำกัด

 

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังเปิดเงื่อนไขยกเว้นภาษีให้กับบริษัทยาที่มีโรงงานผลิตในสหรัฐฯ หรือมีแผนลงทุนสร้างโรงงานใหม่ ซึ่งครอบคลุมบริษัทยารายใหญ่หลายแห่ง โดย พอล โดโนแวน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ UBS Global Wealth Management ระบุว่า หลายบริษัทมีฐานการผลิตในสหรัฐฯ อยู่แล้ว  และอาจมีการขยับกำลังการผลิตเชิงสัญลักษณ์เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีเล็กน้อย

 

นักวิเคราะห์จาก JPMorgan แสดงความเห็นว่า มาตรการนี้น่าจะทำให้ยาจำนวนมากได้รับการยกเว้น เนื่องจากบริษัทยารายใหญ่เพิ่งลงทุนเพิ่มหรือตั้งโรงงานใหม่ในสหรัฐฯ สอดคล้องกับข้อมูลบนเว็บไซต์ทำเนียบขาวที่เผยแพร่รายชื่อบริษัทยาและเวชภัณฑ์อย่างน้อย 15 แห่งที่ลงทุนรวมหลายหมื่นล้านดอลลาร์ในโครงการต่าง ๆ ซึ่งเข้าข่ายได้รับการยกเว้นภาษี

 

ด้าน Roche และ Novartis บริษัทยารายใหญ่จากยุโรป ต่างยืนยันว่า มาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ แทบไม่กระทบต่อธุรกิจ เนื่องจากทั้งสองบริษัทกำลังเร่งลงทุนขยายและปรับปรุงโรงงานในหลายรัฐของสหรัฐฯ อยู่แล้ว

 

นักวิเคราะห์ยังชี้ว่า มาตรการภาษีครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด เพราะตั้งแต่เดือนเมษายน ทรัมป์ได้ส่งสัญญาณความเป็นไปได้ในการเก็บภาษีนำเข้ายา ทำให้บริษัทยาหลายแห่งเร่งกักตุนสต็อกไว้ล่วงหน้า นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ผู้บริโภคจะยังไม่รู้สึกถึงผลกระทบโดยตรง แม้ภาษีใหม่จะเริ่มบังคับใช้ในสัปดาห์หน้า

 

อ้างอิง:

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising