โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา พบปะกับกษัตริย์อับดุลลาห์แห่งจอร์แดน ที่ทำเนียบขาว เมื่อวานนี้ (11 กุมภาพันธ์) ซึ่งถือเป็นการพบกันครั้งแรกของทั้งสองผู้นำนับตั้งแต่ทรัมป์ประกาศข้อเสนอให้สหรัฐฯ เข้าควบคุมฉนวนกาซาและย้ายประชากรชาวปาเลสไตน์ราว 2 ล้านคนไปยังประเทศอื่นในภูมิภาค รวมถึงจอร์แดน ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ ในตะวันออกกลาง
ในระหว่างการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาว ทรัมป์ยังคงยืนยันข้อเสนอของตนเอง แม้ว่าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากนานาชาติ โดยทรัมป์กล่าวถึงกาซาว่า “เราจะรับมัน เราจะดูแลมัน และเราจะหวงแหนมัน” พร้อมอ้างว่าการเข้าควบคุมกาซาของสหรัฐฯ จะช่วยสร้างงานจำนวนมากในภูมิภาค และสามารถเปลี่ยนกาซาให้กลายเป็น ‘เพชรเม็ดงาม’
ทรัมป์ยังระบุด้วยว่า เขาคาดหวังให้จอร์แดนและอียิปต์ช่วยรองรับชาวปาเลสไตน์ที่ถูกย้ายออกจากกาซา โดยเชื่อว่าทั้งจอร์แดนและอียิปต์และอาจจะที่อื่นๆ ด้วย จะสามารถหาสถานที่ที่ชาวปาเลสไตน์สามารถอยู่ได้อย่างมีความสุขและปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม จอร์แดนซึ่งเป็นที่ตั้งของชาวปาเลสไตน์จำนวนมากอยู่แล้วปฏิเสธข้อเสนอนี้ โดยกษัตริย์อับดุลลาห์กล่าวหลังการประชุมว่า “จอร์แดนยึดมั่นในจุดยืนที่แน่วแน่ในการต่อต้านการโยกย้ายประชากรชาวปาเลสไตน์” และนานาชาติควรให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการฟื้นฟูกาซามากกว่าการบังคับโยกย้ายประชากร
ขณะที่อียิปต์ปฏิเสธข้อเสนอนี้อย่างชัดเจน โดยกระทรวงการต่างประเทศอียิปต์ออกแถลงการณ์ว่า อียิปต์มีแผนที่จะฟื้นฟูฉนวนกาซา เพื่อให้ชาวปาเลสไตน์สามารถอยู่ในแผ่นดินของตนต่อไปได้ โดยสอดคล้องกับสิทธิอันชอบธรรมตามกฎหมายระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ รายงานระบุว่าอียิปต์และชาติอาหรับอื่นๆ กำลังเตรียมข้อเสนอใหม่ ซึ่งอาจรวมถึงการจัดตั้งรัฐบาลบริหารกาซาโดยบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มฮามาส เพื่อตอบโต้แผนของทรัมป์ ขณะที่ก่อนหน้านี้ทรัมป์ขู่ว่าอาจระงับความช่วยเหลือแก่จอร์แดนและอียิปต์ หากทั้งสองประเทศไม่ยอมรับชาวปาเลสไตน์ที่ถูกย้ายออกจากกาซา
ด้านองค์การสหประชาชาติ (UN) ออกคำเตือนว่า การบังคับโยกย้ายประชากรจากดินแดนที่ถูกยึดครองเป็นสิ่งต้องห้ามตามกฎหมายระหว่างประเทศ และอาจเข้าข่าย ‘การล้างเผ่าพันธุ์’
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ โดยกล่าวว่า “เรากำลังย้ายพวกเขาไปยังสถานที่ที่สวยงาม ที่ซึ่งพวกเขาจะมีบ้านใหม่ อยู่ได้อย่างปลอดภัย และมีแพทย์ดูแล”
ภาพ: Nathan Howard / Reuters
อ้างอิง: