ทั่วโลกกำลังจับตาการประชุมสุดยอดครั้งที่ 2 ระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ กับคิมจองอึน ที่กำลังจะมีขึ้นในกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ระหว่างวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์นี้ โดยหลายฝ่ายคาดหวังว่าการประชุมรอบนี้ สหรัฐฯ และเกาหลีเหนือจะสามารถทำข้อตกลงที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับการปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี
มีอะไรน่าจับตาบ้างในซัมมิตรอบนี้
แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลสหรัฐฯ และเกาหลีใต้เปิดเผยว่าการเจรจาระหว่างทรัมป์กับคิมครั้งนี้จะครอบคลุมในเรื่องการให้เกาหลีเหนืออนุญาตให้คณะสังเกตการณ์เข้าไปตรวจสอบและเป็นสักขีพยานการรื้อถอนโรงปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ‘ย็องบย็อน’ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้ผลิตแร่พลูโตเนียม และมีแร่ยูเรเนียมเสริมสมรรถนะสำหรับผลิตอาวุธนิวเคลียร์
หากตกลงกันได้จะถือเป็นหนึ่งในความคืบหน้าสำคัญที่จะช่วยให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดจากอาวุธทำลายล้างสูงในท้ายที่สุด
นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายยังเตรียมหารือในประเด็นการเปิดสำนักงานติดต่อประสานงานระหว่างกันเพื่อให้สามารถสื่อสารกันได้ง่ายขึ้น
หนึ่งในคำถามที่ผู้คนสนใจคือหากการเจรจาลงเอยด้วยดี ทรัมป์จะยอมผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรที่มีต่อเกาหลีเหนือหรือไม่
นักวิเคราะห์มองว่าเรื่องนี้ยังต้องใช้เวลา เพราะทรัมป์เห็นว่าการปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์คือเป้าหมายสูงสุดของข้อตกลง ทว่าตัวเขาเองก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรในเรื่องนี้ เพราะที่ผ่านมาเกาหลีเหนือมีการระงับการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธอยู่แล้ว
ก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยยื่นข้อแม้ว่าสหรัฐฯ จะยอมผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรก็ต่อเมื่อเกาหลีเหนือลงมือทำบางสิ่งที่มีความหมายต่อการปลดอาวุธนิวเคลียร์เท่านั้น ซึ่งนั่นหมายความว่าการหยุดทดสอบอาวุธอาจยังไม่เพียงพอสำหรับทรัมป์
ถึงแม้คิมจองอึนจะรับปากทรัมป์ในเวทีซัมมิตรอบแรกที่สิงคโปร์เมื่อปีที่แล้วว่าเกาหลีเหนือจะเดินหน้าปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์ แต่คำว่า ‘ปลดอาวุธนิวเคลียร์’ มีความหมายและขอบเขตกว้าง ขณะที่สองฝ่ายก็อาจตีความต่างกัน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องจัดการประชุมอีกหลายครั้งเพื่อปูทางไปสู่เป้าหมายร่วมกันในบั้นปลาย
ที่ผ่านมาสหรัฐฯ มองว่าการปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์คือการยกเลิกโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อย่างเด็ดขาดและต้องสามารถตรวจสอบได้ด้วย แต่เกาหลีเหนือมองว่าข้อเรียกร้องดังกล่าวเป็นมาตรการบีบบังคับแต่เพียงฝ่ายเดียว
ด้วยเหตุนี้ หนึ่งในหัวข้อพูดคุยที่เป็นวาระสำคัญของซัมมิตรอบนี้จึงหนีไม่พ้นการสร้างคำนิยามร่วมกันของคำว่า ‘ปลดอาวุธนิวเคลียร์’ (Denuclearization) เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน
อีกประเด็นที่น่าจับตาคือหากทรัมป์กับคิมตกลงอะไรกันได้แล้ว สภาคองเกรสจะเห็นดีด้วยหรือไม่ เพราะ ส.ส. และเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งได้แสดงความกังขาว่าเกาหลีเหนือเต็มใจละทิ้งโครงการอาวุธนิวเคลียร์จริงแท้แค่ไหน
นอกจากนี้พวกเขายังแสดงความกังวลด้วยว่าการประนีประนอมกับเกาหลีเหนืออาจบ่อนทำลายผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ในภูมิภาคดังกล่าว
เพราะสิ่งที่นักการเมืองในสหรัฐฯ วิตกอย่างมากคือทรัมป์อาจต่อรองกับเกาหลีเหนือ โดยยอมถอนทหารอเมริกันบางส่วนออกจากเกาหลีใต้เพื่อแลกกับข้อตกลงที่ต้องการ เนื่องจากตัวทรัมป์เองก็วิพากษ์วิจารณ์มาตลอดว่าการส่งทหารไปประจำการที่เกาหลีใต้นั้นสิ้นเปลืองงบประมาณรัฐอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว รวมถึงทรัมป์เองยืนยันแล้วว่าพวกเขาจะไม่นำเรื่องนี้ไปเป็นส่วนหนึ่งของวาระการประชุมกับเกาหลีเหนืออย่างแน่นอน
อีกประเด็นสำคัญที่จะถกกันในที่ประชุมรอบนี้คือการจัดทำโรดแมปที่มีรายละเอียดชัดเจนเกี่ยวกับการเจรจาในอนาคต รวมถึงการร่างข้อกำหนดให้เกาหลีเหนือยุติการผลิตอาวุธทำลายล้างสูงและขีปนาวุธทั้งหมด
เพราะที่ผ่านมา แม้ว่าผู้นำเกาหลีเหนือจะเคยประกาศยุติกิจกรรมการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ รวมถึงการเพิ่มจำนวนอาวุธ แต่หน่วยงานเฝ้าสังเกตการณ์พบว่าเกาหลีเหนือยังไม่ได้ระงับการผลิตอาวุธแต่อย่างใด ขณะที่งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดในสหรัฐฯ ระบุว่าเมื่อปีที่แล้วเกาหลีเหนือยังคงผลิตวัสดุฟิสไซล์ในปริมาณที่มากพอสำหรับบรรจุลงในอาวุธนิวเคลียร์ถึง 7 ลูก
ท่ามกลางความคาดหวังที่สูงขึ้นจากซัมมิตรอบแรกที่สิงคโปร์ เจ้าหน้าที่รัฐบาลเกาหลีใต้มองว่าตัวแปรความสำเร็จของการประชุมรอบนี้ขึ้นอยู่กับเกาหลีเหนือว่าจะยอมให้ผู้สังเกตการณ์จากนานาชาติเข้าไปตรวจสอบการรื้อถอนโรงปฏิกรณ์นิวเคลียร์ในย็องบย็อนหรือไม่ เพราะสิ่งนี้คือเงื่อนไขต่ำสุดที่สหรัฐฯ ต้องการสำหรับการประชุมรอบนี้เพื่อแลกกับการที่สหรัฐฯ ยอมโอนอ่อนผ่อนตามในเงื่อนไขบางเรื่องของเกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ตามการเจรจาอาจพบกับอุปสรรค เพราะเกาหลีเหนือได้แสดงจุดยืนว่าจะยอมให้นานาชาติเข้ามาตรวจสอบการรื้อถอนก็ต่อเมื่อสหรัฐฯ ยอมผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรต่อเกาหลีเหนือเท่านั้น
ดังนั้นผลการเจรจาจะออกมาในรูปใด จะคว้าน้ำเหลวหรือไม่ จึงน่าติดตามอย่างใกล้ชิด แต่ทางสหรัฐฯ คาดหวังว่าพวกเขาจะยอมถอยเพียงก้าวเล็กๆ เพื่อแลกกับผลลัพธ์ที่มีนัยสำคัญสู่การปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีอย่างสมบูรณ์ในอนาคต
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: