กลุ่มค้าปลีกเตือนว่าแผนขึ้นภาษีนำเข้าของ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นดาบสองคม แม้ตั้งใจสกัดสินค้าจีน แต่อาจทำให้ชาวอเมริกันต้องควักเงินซื้อเสื้อผ้าและเฟอร์นิเจอร์แพงขึ้นมากถึง 1 เท่าตัว
หากทรัมป์ได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นโยบายที่เขาเตรียมผลักดันคือการพิจารณาเก็บภาษีนำเข้าสินค้า โดยพุ่งเป้าไปที่สินค้าจีน 60-100% ส่วนการนำเข้าสินค้าจากประเทศอื่นๆ จะเก็บภาษีขั้นต่ำ 10-20%
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- การเติบโตเศรษฐกิจจีนจ่อลดลง ‘ครึ่งหนึ่ง’ หากทรัมป์ชนะ และเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 60%
- ใครได้-ใครเสีย! รีด VAT สินค้านำเข้าราคาต่ำ สกัดสินค้าจีนทะลักได้แค่ไหน
- วิเคราะห์ ‘ทรัมป์-แฮร์ริส’ ใครจะก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไป ไทยได้-เสียประโยชน์แค่ไหน
สหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติ (National Retail Federation: NRF) รายงานว่า ผลกระทบจากนโยบายการเก็บภาษีสินค้า (Tariff) แบบทั่วถึงของทรัมป์อาจทำให้ราคาสินค้า เช่น เสื้อผ้า, ของเล่น, เฟอร์นิเจอร์, เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน, รองเท้า และสินค้าที่ใช้ในการเดินทาง เพิ่มขึ้นมากถึง 10% หรือมากกว่านั้น ยิ่งในช่วงที่หลายคนต้องเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อก็ยิ่งกระทบต่อผู้บริโภคอย่างหนัก
ยกตัวอย่าง ราคาหมวดเสื้อผ้าอาจเพิ่มขึ้น 12.5-20.6% ซึ่งหมายความว่ากางเกงยีนส์ผู้ชายที่จากเดิมจำหน่ายในราคา 80 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,693 บาท) อาจขึ้นราคาเป็น 96 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,232 บาท) ส่วนเสื้อโค้ตที่มีราคา 100 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,367 บาท) ก็อาจขึ้นราคาเป็น 121 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4,074 บาท)
ส่วนราคาหมวดของเล่นอาจเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 36.3-55.8% แน่นอนว่าราคาสินค้าที่สูงขึ้นจะกดดันผู้บริโภค โดยเฉพาะครัวเรือนที่มีรายได้น้อยก็จะใช้จ่ายน้อยลง
“กำแพงภาษีที่ทรัมป์เสนอเปรียบเสมือนการเพิ่มภาษีกับครอบครัวชาวอเมริกันอย่างมหาศาล เพราะผู้บริโภคจะต้องจ่ายเงินซื้อสินค้านำเข้ามากขึ้น แน่นอนว่าจะเป็นการลดทอนกำลังซื้อ และจากนั้นก็ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายและเศรษฐกิจโดยรวม” มาร์ก แซนดี หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Moody’s ย้ำ
ถึงกระนั้น รายงานนี้ไม่ได้คำนึงถึงข้อเสนอใหม่ของทรัมป์ที่ประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ถึงแผนเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากเม็กซิโก 25% หากเม็กซิโกไม่ดำเนินการกำหนดกฎระเบียบชายแดนที่เข้มงวดขึ้น
ทั้งนี้ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งหลายคนเห็นด้วยกับแผนภาษีดังกล่าว เพราะรู้สึกว่าการค้าเสรีตลอดหลายปีที่ผ่านมาได้ทำลายโครงสร้างทางการค้าของโรงงานทั่วสหรัฐฯ
แมรี เลิฟลี นักวิจัยอาวุโสของ The Peterson Institute for International Economics กล่าวต่อไปว่า หากย้อนไปในช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งแรก เขาเรียกเก็บภาษีต่างๆ แต่ไม่สามารถเพิ่มอัตราการจ้างงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องได้
หากมีการเก็บภาษีการนำเข้าสินค้าจากจีนที่สูงขึ้น ฐานการผลิตเหล่านี้จะย้ายไปยังประเทศอื่นแทน ซึ่งหมายความว่าชาวอเมริกันจะมีงานใหม่เพิ่มขึ้น แต่จะใช้จ่ายกับสินค้าราคาสูงแทน
อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้ได้รับการเผยแพร่ช่วงก่อนวันเลือกตั้ง และเสริมให้เห็นถึงการวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมที่เตือนถึงผลกระทบต่อการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อที่จะมีผลมาจากแนวทางการค้าที่เข้มงวดขึ้น
อ้างอิง: