สื่อจีนเตือน ‘สหรัฐฯ’ เตรียมรับแรงกระแทกภาษีตอบโต้จากนานาประเทศระลอกใหม่ หากประกาศเก็บภาษีนำเข้าในอัตราสูง 2 เม.ย. ขณะที่ประธาน JETRO มองว่า ทรัมป์ขึ้นภาษีจะทำให้ต้นทุนทำธุรกิจในสหรัฐเองพุ่งสูงขึ้น บ่อนทำลายการค้าเสรี โดยเฉพาะภาษีรถยนต์ญี่ปุ่น
หลังจากที่ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ส่งสัญญาณจัดระเบียบการค้าระหว่างสหรัฐฯกับประเทศต่างๆทั่วโลกใหม่ ภายหลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เรียกเก็บภาษีศุลกากรต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) ในวันที่ 2 เมษายนที่จะถึงนี้ โดยจะเก็บภาษีในอัตราเดียวกับที่ประเทศอื่นเรียกเก็บจากสหรัฐฯ เพื่อสร้างความเป็นธรรมทางการค้า ปกป้องอุตสาหกรรมประเทศให้กลับมา
โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐฯ กล่าวในรายการ Face the Nation ของสถานีโทรทัศน์ CBS ว่า นโยบายนี้เป็นการปรับเปลี่ยนสถานะทางการค้าของสหรัฐฯ กับทุกประเทศพร้อมกัน ไม่ได้มุ่งเป้าเฉพาะประเทศใดประเทศหนึ่ง
“นี่เป็นเรื่องระดับโลก ไม่ได้เป็นการต่อต้านแคนาดา เม็กซิโก สหภาพยุโรป แต่ใช้กับทุกประเทศ” รูบิโอกล่าว
รายงานข่าวจาก Global time สื่อจีนออกโรงเตือนล่าสุดว่า สหรัฐอาจต้องรับแรงกระแทกภาษีตอบโต้จากนานาประเทศรุนแรง หากเก็บภาษีนำเข้าในอัตราสูง โดยจีนอาจใช้มาตรการตอบโต้เพิ่มเติมการขึ้นภาษีรอบใหม่กำลังจะถึง
ทั้งนี้ หากย้อนดูจะพบว่าเพียงสองเดือนหลังจากทรัมป์กลับเข้าทำเนียบขาว ได้จุดชนวนสงครามการค้ากับจีน แคนาดา เม็กซิโก และสหภาพยุโรป นอกจากนี้ ล่าสุดยังขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้กับทุกประเทศที่เรียกเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐ โดยภาษีดังกล่าวคาดว่าจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เมษายน 2568
ซึ่งทันทีที่ออกมาประกาศรอบแรกจีนตอบโต้อย่างรวดเร็วและคาดว่าจีนจะตอบโต้มาตรการภาษีของเดือนเมษายนอีกครั้ง
Global Times เขียนในบทบรรณาธิการวันที่ 18 มี.ค.68 ว่า “เพื่อเป็นการตอบโต้ภาษีของสหรัฐ พันธมิตรทางการค้าของสหรัฐไม่อาจนิ่งเฉย การตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐในอัตราสูงอาจเป็นทางเลือกสำหรับหลายประเทศ
สำหรับจีน เบื้องต้นจีนได้กำหนดมาตรการภาษีเพื่อตอบโต้การส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของสหรัฐ กำหนดมาตรการควบคุมการส่งออกและการลงทุนกับบริษัทสหรัฐ 25 แห่ง ระงับใบอนุญาตนำเข้าถั่วเหลืองของบริษัทสหรัฐ 3 แห่ง และหยุดการนำเข้าไม้ซุงของสหรัฐ และจีนยังได้เริ่มสอบสวนผลิตภัณฑ์ใยแก้วนำแสงบางรายการของสหรัฐอีกด้วย
นอกจากนี้ หลายประเทศกำลังแสวงหาทางในการกระจายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและ ‘ลดการพึ่งพาสหรัฐฯ’ โดยหันไปหาพันธมิตรทางการค้าใหม่ๆ
วันเดียวกัน สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า โนริฮิโกะ อิชิกุโระ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) กล่าวว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐใช้นโยบายการขึ้นภาษีศุลกากร อาจส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นและสร้างอุปสรรคต่อการลงทุนบริษัทญี่ปุ่นในสหรัฐ ซึ่งตรงกันข้ามกับเป้าหมายของทรัมป์ที่ต้องการดึงดูดการลงทุนและฟื้นฟูภาคการผลิตของชาวอเมริกันกลับคืนมา
ประธาน JETRO ระบุอีกว่า “การขึ้นภาษีจะทำให้ต้นทุนการดำเนินธุรกิจในสหรัฐสูงขึ้น เนื่องจากราคาวัสดุและผลิตภัณฑ์จะแพงขึ้น นอกจากนี้นโยบายควบคุมการอพยพของทรัมป์ยังมีแนวโน้มทำให้ปัญหาขาดแคลนแรงงานรุนแรงขึ้น และส่งผลให้ต้นทุนแรงงานสูงขึ้นอีกด้วย”
นอกจากนี้ แม้รัฐบาลญี่ปุ่นจะพยายามขอยกเว้นจากการเก็บภาษีที่สูงขึ้นของทรัมป์ แต่ภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมที่เพิ่มขึ้นนั้นเริ่มกระทบกับผู้ผลิตญี่ปุ่นนับตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว และคาดว่าจะมีการประกาศภาษีตอบโต้และภาษีนำเข้ารถยนต์ชุดใหม่ในวันที่ 2 เมษายนอีก
“ภาษีของทรัมป์บ่อนทำลายการค้าเสรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษีนำเข้ารถยนต์จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น” ประธาน JETRO กล่าว
ภาพ: pengpeng / Getty Images
อ้างอิง:
