โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร 4 ฉบับเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 พฤษภาคม) เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ให้กลับมาเป็นผู้นำระดับโลกอีกครั้ง โดยทำเนียบขาวระบุว่า มาตรการนี้จะช่วยเร่งกระบวนการทดสอบเตาปฏิกรณ์ พัฒนากำลังผลิตยูเรเนียม และปรับโครงสร้างคณะกรรมการกำกับกิจการนิวเคลียร์ (NRC) ใหม่ทั้งหมด
หนึ่งในคำสั่งดังกล่าวเปิดทางให้กระทรวงพลังงานและกระทรวงกลาโหมสามารถสร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์บนที่ดินของรัฐบาลกลางได้ ขณะที่อีกคำสั่งหนึ่งมุ่งลดข้อกำกับด้านการอนุมัติโครงการ และสนับสนุนการใช้พลังงานนิวเคลียร์ในภาคการป้องกันประเทศ รวมถึงศูนย์ข้อมูล AI
ทรัมป์กล่าวระหว่างพิธีลงนามในห้องทำงานรูปไข่ พร้อมผู้บริหารจากบริษัทพลังงานนิวเคลียร์ และรัฐมนตรีมหาดไทย ดั๊ก เบอร์กัม ว่า “วันนี้เรากำลังลงนามคำสั่งที่สำคัญมาก ซึ่งจะทำให้สหรัฐฯ กลับมาเป็นผู้นำของอุตสาหกรรมนี้อีกครั้ง”
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า หนึ่งในคำสั่งจะช่วยเร่งการขออนุญาตและทดสอบเตาปฏิกรณ์ในห้องปฏิบัติการระดับชาติของกระทรวงพลังงาน โดยตั้งเป้าเริ่มโครงการนำร่องสำหรับการก่อสร้างภายใน 2 ปี อีกคำสั่งหนึ่งเปิดทางให้สร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็กบนพื้นที่ของรัฐบาลกลาง เพื่อใช้ผลิตไฟฟ้าให้กับฐานทัพ และศูนย์ข้อมูลปัญญาประดิษฐ์ที่ต้องใช้พลังงานมหาศาล
พีท เฮกเซ็ธ รัฐมนตรีกลาโหม กล่าวถึงประเด็นความมั่นคงว่า “การมีเทคโนโลยีเตาปฏิกรณ์ขนาดเล็ก ที่สามารถติดตั้งได้ทั้งในและนอกประเทศ คือการรับประกันว่ากองทัพของเราจะยังคงทำงานได้อย่างต่อเนื่องไม่ว่าโลกจะเผชิญอะไร”
ยกเครื่องคณะกรรมการนิวเคลียร์ NRC
อีกคำสั่งหนึ่งที่มุ่งปรับโครงสร้าง NRC โดยกำหนดให้ต้องอนุมัติใบอนุญาตเตาปฏิกรณ์ภายใน 18 เดือน และให้ปรับปรุงโครงสร้างภายในทั้งหมด เพื่อให้หน่วยงานไม่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเทคโนโลยีนิวเคลียร์ใหม่
“คณะกรรมการ NRC ล้มเหลวในการอนุมัติเตาปฏิกรณ์ใหม่ ทั้งที่เทคโนโลยีปัจจุบันปลอดภัยขึ้น ราคาถูกลง และยืดหยุ่นมากกว่าที่เคย” แถลงการณ์คำสั่งระบุ พร้อมเรียกร้องให้ NRC ปรับมาตรฐานรังสีตามหลักวิทยาศาสตร์ และลดโครงสร้างบุคลากรในบางตำแหน่ง
ขุด-แปรรูปยูเรเนียมในประเทศแทนรัสเซีย
คำสั่งฉบับสุดท้ายมุ่ง ‘ฟื้นฟูฐานอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ’ โดยเปิดทางให้มีการเริ่มต้นขุดแร่ยูเรเนียม และขยายกำลังการผลิตยูเรเนียมเสริมสมรรถนะภายในประเทศ หลังจากสหรัฐฯ เคยพึ่งพาการนำเข้ายูเรเนียมเสริมสมรรถนะจากรัสเซียจนถึงปี 2023 ก่อนที่กฎหมายสองพรรคจะสั่งระงับการนำเข้าเพื่อตอบโต้การรุกรานยูเครน
ทั้งนี้ รัฐบาลทรัมป์ยังตั้งเป้าจะเพิ่มกำลังผลิตพลังงานนิวเคลียร์จากปัจจุบันราว 100 กิกะวัตต์ ให้สูงถึง 400 กิกะวัตต์ภายในปี 2050 พร้อมระบุว่า จะสนับสนุนเทคโนโลยีเตาปฏิกรณ์รุ่นใหม่ เช่น Generation III+, IV, เตาแบบโมดูลาร์ และเตาขนาดเล็ก (Microreactors) โดยลดต้นทุนและลดขั้นตอนทางกฎหมายให้เร็วขึ้น
แม้ในคำสั่งจะไม่มีการปลดคณะกรรมาธิการ NRC โดยตรง แต่เจ้าหน้าที่ระบุว่าการลดจำนวนบุคลากรในหน่วยงานเป็นสิ่งที่ ‘ยังอยู่ระหว่างพิจารณา’ ท่ามกลางความกังวลว่า NRC ได้กลายเป็นองค์กรที่ ‘ระมัดระวังเกินไปจนไม่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของประเทศ’
ภาพ: Nathan Howard / File Photo / REUTERS
อ้างอิง:
