×

‘ไม่เอา WHO – ไม่สนโลกร้อน’ สรุป Day 1 ทรัมป์ลงนามคำสั่งอะไรบ้าง?

21.01.2025
  • LOADING...
trump-day1-actions

ในวันแรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 โดนัลด์ ทรัมป์ เปิดฉากสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อสหรัฐฯ และทั่วโลก ด้วยการใช้อำนาจประธานาธิบดีลงนามคำสั่งพิเศษ (Executive Order) หลายฉบับ เช่น การถอน 78 นโยบายยุคไบเดน การเดินหน้าคำสั่งกวาดล้างผู้อพยพผิดกฎหมาย และถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) และองค์การอนามัยโลก (WHO) นอกจากนี้ยังอภัยโทษผู้ต้องสงสัยนับพันคนในเหตุการณ์จลาจลบุกรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021

 

ในการกล่าวสุนทรพจน์หลังพิธีสาบานตน ทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะพาสหรัฐฯ เข้าสู่ ‘ยุคทอง’ และกอบกู้ประเทศจากสิ่งที่เขาอ้างว่าเป็น ‘ยุคตกต่ำ’ ที่เกิดจากนโยบายของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน พร้อมประกาศเป้าหมายที่สร้างความฮือฮา เช่น การส่งนักบินอวกาศสหรัฐฯ ปักธงบนดาวอังคาร เปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา และย้ำเรื่องการยึดคืนคลองปานามา ขณะที่เน้นถึงความสำคัญในการสร้างความสามัคคีและเรียกความเชื่อมั่นภายในชาติกลับคืนมา

 

และนี่คือไฮไลต์สำคัญใน Day 1 ของรัฐบาลทรัมป์ 2.0

 

คำสั่งพิเศษสะเทือนโลก

 

ภายหลังรับตำแหน่งไม่กี่ชั่วโมง ทรัมป์ลงนามคำสั่งพิเศษถอน 78 นโยบายในยุครัฐบาลไบเดน ตามด้วยการลงนามคำสั่งอีกหลายฉบับ

 

หนึ่งในคำสั่งพิเศษที่สำคัญและเป็นที่จับตามองจากทั่วโลกคือการเริ่มกระบวนการถอนสหรัฐฯ ออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) และการถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งสหรัฐฯ ถือเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญ และท่าทีของทรัมป์ถือเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่เขาเคยถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงนี้มาแล้วในปี 2017

 

การถอนตัวจากข้อตกลงปารีสสะท้อนถึงความไม่มั่นใจของทรัมป์เกี่ยวกับภาวะโลกร้อน ซึ่งเขาเรียกว่าเป็นการหลอกลวง และสอดคล้องกับแผนงานของเขา ในการปลดข้อจำกัดให้กับบริษัทขุดเจาะน้ำมันและก๊าซของสหรัฐฯ เพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตได้อย่างเต็มที่

 

“ผมขอถอนตัวทันทีจากข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอันฉ้อฉล ที่ไร้ความยุติธรรมและลำเอียง” เขากล่าวก่อนจะลงนามในคำสั่งพิเศษ

 

สำหรับประเด็นการขึ้นภาษีจีน แคนาดา และเม็กซิโก เพื่อตอบโต้ปัญหาผู้อพยพและการค้ายาเสพติดที่เขาเคยขู่ว่าจะดำเนินการตั้งแต่วันแรกที่รับตำแหน่ง ปรากฏว่าไม่มีการลงนามคำสั่งในเรื่องนี้ โดยทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังเข้าไปที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาวว่า “กำลังคิดที่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโกเป็น 25% ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์”

 

ส่วนการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ทรัมป์ชี้ว่าอัตราภาษีที่เขาเคยเรียกเก็บในขณะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรกนั้นยังคงมีผลบังคับใช้อยู่

 

ปัดกวาดปัญหาภายใน

 

ทรัมป์ยังลงนามในหลายคำสั่งพิเศษเพื่อแก้ไขปัญหาภายในประเทศ เช่น

 

  • ยุติคำสั่งรัฐบาลไบเดนในการใช้หน่วยงานรัฐเป็นอาวุธต่อศัตรูทางการเมือง
  • ให้หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมดแก้ไขวิกฤตค่าครองชีพ
  • ระงับการออกกฎระเบียบข้าราชการจนกว่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลทรัมป์จะเข้าคุมอำนาจ
  • ระงับการจ้างงานรัฐบาลกลาง
  • คืนเสรีภาพในการพูดและป้องกันรัฐบาลเซ็นเซอร์เสรีภาพในการพูด
  • ตั้งกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (Department of Government Efficiency)
  • จับอดีตเจ้าหน้าที่รัฐบาลที่รับผิดชอบการแทรกแซงการเลือกตั้ง

 

เขายังเดินหน้าความพยายามกวาดล้างผู้อพยพผิดกฎหมายตามคำมั่นที่ให้ไว้ระหว่างหาเสียงด้วยการลงนามคำสั่งหลายฉบับ ซึ่งรวมถึง

 

  • ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินระดับชาติที่ชายแดนทางใต้ของสหรัฐฯ เพื่อกระตุ้นให้มีการส่งทรัพยากรของกระทรวงกลาโหมและกองกำลังทหารติดอาวุธไปช่วยให้การสร้างกำแพงชายแดนแล้วเสร็จ
  • ยุติสิทธิพลเมืองโดยกำเนิด (ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ)
  • กำหนดให้กลุ่มค้ายาเสพติดเป็นองค์กรก่อการร้ายต่างชาติ เพื่อเพิ่มโทษทางการเงินและผลทางกฎหมายที่รุนแรงขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม ประเด็นใหญ่ที่ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์คือการลงนามอภัยโทษผู้ต้องสงสัยกว่า 1,500 คน ที่เกี่ยวข้องในเหตุจลาจลบุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 โดยคาดว่าจะส่งผลให้เกิดความไม่พอใจในกลุ่มตำรวจและ สส. จำนวนมาก ที่ชีวิตตกอยู่ในความเสี่ยงจากเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 5 คน และบาดเจ็บอีกนับร้อยคน

 

นอกจากนี้ทรัมป์ยังพยายามยุตินโยบายต่างๆ ในยุคไบเดน ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมทางเชื้อชาติและปกป้องสิทธิของกลุ่ม LGBTQIA+ โดยมีการลงนามคำสั่งพิเศษให้รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ยอมรับเพศเพียง 2 เพศ คือชายและหญิง ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ 

 

และกำหนดให้รัฐบาลใช้คำว่า ‘เพศ’ แทน ‘เพศสภาพ’ พร้อมทั้งกำหนดให้เอกสารประจำตัวที่ออกโดยรัฐบาล รวมถึงหนังสือเดินทางและวีซ่าต้องอิงตามสิ่งที่รัฐบาลเรียกว่า ‘การจำแนกทางชีววิทยาของบุคคล’

 

ส่วนกรณีของ TikTok ที่เป็นประเด็นร้อนจากการถูกศาลสหรัฐฯ สั่งแบน ทรัมป์ก็ได้ลงนามในคำสั่งพิเศษเพื่อเลื่อนการบังคับใช้การแบน TikTok ออกไปอีก 75 วัน

 

ยุคทองของอเมริกาเริ่มต้นแล้ว

 

สุนทรพจน์แรกของทรัมป์ในฐานะประธานาธิบดีสมัยที่ 2 เปิดฉากด้วยการประกาศว่า “ยุคทองของอเมริกาเริ่มต้นขึ้นในตอนนี้”

 

ทรัมป์ยืนยันว่าภายใต้การบริหารของเขา ประเทศชาติจะกลับมาเจริญรุ่งเรืองและได้รับความเคารพจากทั่วโลกอีกครั้ง และชี้ว่าเขาจะกำกับดูแลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจาก 4 ปีที่ผ่านมา

 

“ในทุกๆ วันของรัฐบาลทรัมป์ ผมจะให้ความสำคัญกับอเมริกามาเป็นอันดับแรก” เขากล่าว และย้ำว่า “สิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างประเทศที่ภาคภูมิใจ เจริญรุ่งเรือง และเป็นอิสระ”

 

โจมตีการ ‘เสื่อมถอย’ ของสหรัฐฯ

 

ทรัมป์กล่าวถึงสถานการณ์ของสหรัฐฯ ภายใต้นโยบายของไบเดน โดยประณามระบบการศึกษาและสาธารณสุขที่ย่ำแย่ลง และชี้ว่าความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาเป็นไปอย่างเลวร้ายและไร้ความสามารถ โดยรัฐบาลไบเดนไม่สามารถจัดการได้แม้แต่วิกฤตง่ายๆ ภายในประเทศ ขณะเดียวกันก็สะดุดกับเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

 

ทรัมป์ยังอ้างว่ารัฐบาลไบเดนปกป้องเหล่าผู้อพยพที่อันตรายมากกว่าพลเมืองที่เคารพกฎหมาย ขณะที่ไม่สามารถให้บริการขั้นพื้นฐานในยามฉุกเฉินแก่ประชาชนได้ โดยเห็นได้จากในช่วงที่เกิดภัยพิบัติ เช่น เฮอริเคนเฮเลนในรัฐนอร์ทแคโรไลนา เมื่อปลายเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายและกระทบประชาชนจำนวนมาก

 

“ทั้งหมดนี้จะเปลี่ยนไปตั้งแต่วันนี้ และจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว”

 

ทรัมป์ยืนยันว่าภารกิจที่เขาได้รับมอบหมายหลังชนะการเลือกตั้งคือการพลิกกลับการทรยศหักหลังอันเลวร้ายมากมายที่เกิดขึ้นในยุคไบเดน และคืนศรัทธา ความมั่งคั่ง ประชาธิปไตย และเสรีภาพให้กับชาวอเมริกัน

 

“นับจากนี้เป็นต้นไปการเสื่อมถอยของอเมริกาสิ้นสุดลงแล้ว” เขากล่าว

 

อ่าวอเมริกา ยึดคลองปานามา

 

ทรัมป์ยังใช้โอกาสในการกล่าวสุนทรพจน์ ย้ำถึงหลายสิ่งที่เขาตั้งใจและมีเป้าหมายที่จะทำ ทั้งการเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา เปลี่ยนชื่อภูเขาเดนาลีในรัฐอะแลสกา ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในอเมริกาเหนือ เป็นภูเขาแม็กคินลีย์

 

นอกจากนี้เขาย้ำว่ารัฐบาลของเขาจะพยายามยึดอำนาจเหนือคลองปานามาอีกครั้ง

 

“เรากำลังจะยึดมันคืน” เขายืนยัน โดยสหรัฐฯ ยอมสละการควบคุมคลองปานามาให้แก่รัฐบาลปานามาในปี 1999

 

ส่งนักบินไปดาวอังคาร

 

อีกประกาศที่เรียกเสียงฮือฮา คือการประกาศจะส่งนักบินอวกาศสหรัฐฯ ไปยังดาวอังคาร

 

“เราจะไล่ตามโชคชะตาของเราไปสู่ดวงดาว ด้วยการส่งนักบินอวกาศชาวอเมริกันไปปักธงบนดาวอังคาร”

 

คำประกาศนี้ได้รับเสียงยินดีในทันทีจาก อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีและซีอีโอ SpaceX ผู้มีเป้าหมายสร้างอาณานิคมบนดาวอังคาร โดยมัสก์ถือเป็นพันธมิตรสำคัญของทรัมป์ และได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้นำกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล

 

ภาพ: Carlos Barria / Reuters

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising