ตลาดคริปโตกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (2 มีนาคม) หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศจัดตั้งกองทุนสำรองคริปโตเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะรวมการถือครองสองคริปโตที่ใหญ่ที่สุดอย่าง Bitcoin และ Ether รวมทั้งเหรียญ XRP, โทเคน SOL ของ Solana และเหรียญ ADA ของ Cardano
“กองทุนสำรองคริปโตของสหรัฐฯ จะยกระดับอุตสาหกรรมที่สำคัญนี้ขึ้นมา หลังจากเผชิญกับการโจมตีจากรัฐบาลไบเดนมาหลายปี ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมคำสั่งฝ่ายบริหารของผมเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลจึงได้สั่งให้คณะทำงานของประธานาธิบดีเดินหน้าจัดตั้งกองทุนสำรองคริปโตที่รวม XRP, SOL และ ADA เข้าไปด้วย” ทรัมป์กล่าวในโพสต์บน Truth Social พร้อมย้ำว่า “ผมจะทำให้สหรัฐฯ กลายเป็นศูนย์กลางคริปโตของโลก
“และแน่นอน BTC และ ETH ซึ่งเป็นคริปโตที่มีมูลค่าสูงจะอยู่ใจกลางของกองทุนสำรองนี้ ผมก็รัก Bitcoin และ Ethereum เช่นกัน” ทรัมป์ระบุ
ภายหลังการประกาศดังกล่าว ราคาของ XRP พุ่งขึ้น 33% ขณะที่โทเคนของ Solana กระโดดขึ้น 25% และเหรียญของ Cardano ทะยานขึ้นกว่า 60%
Bitcoin พุ่งขึ้น 10% แตะระดับ 94,343.82 ดอลลาร์ หลังจากร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนต่ำกว่า 80,000 ดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ (28 กุมภาพันธ์) ส่วน Ether ซึ่งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาราคาปรับตัวลดลง ล่าสุดก็ปรับตัวขึ้นได้ 13%
ทรัมป์เตรียมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดคริปโตของทำเนียบขาวเป็นครั้งแรกในวันศุกร์นี้ (7 มีนาคม) โดยนักลงทุนจะจับตาดูอย่างใกล้ชิดเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับทิศทางของแผนกองทุนสำรอง
นี่เป็นครั้งแรกที่ทรัมป์สนับสนุน ‘กองทุนสำรอง’ แทนที่จะเป็น ‘คลังเก็บ’ โดยกองทุนสำรองหมายถึงการซื้อคริปโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ขณะที่คลังเก็บหมายถึงการไม่ขายคริปโตที่รัฐบาลสหรัฐฯ ถืออยู่ในปัจจุบัน
ทรัมป์เคยเสนอแนวคิดเรื่องการสะสม Bitcoin เป็นคลังของรัฐบาลเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้วที่งาน Bitcoin 2024 ในแนชวิลล์ ซึ่งเป็นหนึ่งในการประชุมใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมคริปโต โดยในงานเดียวกันนี้ ซินเทีย ลัมมิส วุฒิสมาชิกจากรัฐไวโอมิง นำเสนอข้อเสนอของเธอเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนสำรอง Bitcoin แห่งชาติ
อย่างไรก็ตาม ชุมชนคริปโตหลายกลุ่มเชื่อว่ากองทุนสำรองคริปโตควรถือเพียง Bitcoin เท่านั้น เนื่องจากเป็นเครือข่ายที่ผ่านการทดสอบและกระจายศูนย์มากที่สุด การรวมเหรียญอื่นๆ เข้าไปอาจทำให้รัฐบาลต้องเข้ามากำหนดว่าเหรียญใดเป็นผู้ชนะหรือผู้แพ้ในตลาดคริปโต
อีกกลุ่มหนึ่งไม่เห็นด้วยกับแนวคิดการจัดตั้งกองทุนสำรองคริปโตของสหรัฐฯ เนื่องจากอาจเป็นการบ่อนทำลายสถานะของเงินดอลลาร์ และยังสามารถถูกยกเลิกได้ง่ายโดยรัฐบาลชุดถัดไป
“การเลือกตั้งครั้งต่อไปอาจนำรัฐบาลใหม่เข้ามา ซึ่งอาจต้องการเงินเพื่อชำระหนี้ประกันสังคม พวกเขาอาจขายกองทุนสำรองนี้” อดัม บลัมเบิร์ก ผู้ร่วมก่อตั้งและรองประธานฝ่ายที่ปรึกษาของ Enclave Group กล่าว
“ผมไม่ชอบแนวคิดที่ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ หรือรัฐบาลใดๆ จะถือครองสินทรัพย์ที่กระจายศูนย์มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา” เขากล่าวเสริม “นั่นไม่ใช่สิ่งที่ Bitcoin ถูกสร้างขึ้นมา และมันทำให้รัฐบาลกลางมีอำนาจมากเกินไป ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ เองก็อยู่ในวัฏจักรการเลือกตั้งทุกๆ 4 ปี หรือแม้แต่ 2 ปี”
อ้างอิง: