ยังคงทำสงครามน้ำลายกันอย่างไม่หยุดหย่อนระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (FBI) ซึ่งถูกทรัมป์สั่งปลดกลางอากาศเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ล่าสุดโคมีย์ได้เปิดใจครั้งแรกผ่านรายการ 20/20 ของสถานีโทรทัศน์ ABC โดยเขาวิจารณ์ทรัมป์ว่าเป็นประธานาธิบดีที่ขาดศีลธรรมและไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง ขณะที่ทรัมป์ตอกกลับทางทวิตเตอร์ว่าโคมีย์เคยทำความผิดไว้มากมาย
นอกจากประเด็นร้อนเรื่องซีเรียแล้ว ประชาชนชาวอเมริกันยังให้ความสนใจกับการออกมาตอบโต้กันระหว่างสองคู่ปรับที่กลายมาเป็นคู่กัด โดยโคมีย์กำลังเดินสายโปรโมตหนังสือ A Higher Loyalty: Truth, Lies and Leadership เพื่อเปิดโปงข้อเท็จจริงในหลายๆ เรื่อง รวมถึงกรณีที่โคมีย์กล่าวหาทรัมป์ว่าเคยกดดันให้เขายุติการสอบสวน ไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ สืบเนื่องจากข้อกล่าวหาว่าเขาลักลอบติดต่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลรัสเซียในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2016
โคมีย์บอกกับจอร์จ สเตฟาโนปูลอส ผู้ดำเนินรายการของ ABC ว่า “คนที่โกหกครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าจะเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็ก และยืนยันว่าชาวอเมริกันเชื่อที่เขาพูด คนแบบนี้ไม่เหมาะที่จะเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ว่ากันด้วยเรื่องศีลธรรม”
โคมีย์นั่งเก้าอี้ ผอ. FBI ในช่วงที่เกิดข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับการใช้อีเมลส่วนตัวของฮิลลารี คลินตัน ซึ่งขณะนั้นเธอดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศในรัฐบาลของประธานาธิบดีบารัก โอบามา แม้ FBI จะสรุปคดีในตอนแรกว่าฮิลลารีไม่มีความผิด แต่ต่อมาโคมีย์ได้ตัดสินใจรื้อคดีของฮิลลารีขึ้นมาสอบสวนอีกครั้งในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งปี 2016 เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อคะแนนเสียงของฮิลลารี ซึ่งลงชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีกับทรัมป์ในปีนั้น
โคมีย์เปิดเผยในรายการ 20/20 ต่อไปว่า ทรัมป์อาจมีความผิดฐานขัดขวางกระบวนการยุติธรรมจากกรณีที่พยายามบีบให้เขาเลิกตามสอบสวนฟลินน์
“มีหลักฐานแน่ชัดที่บ่งชี้ถึงการขัดขวางกระบวนการยุติธรรม” โคมีย์กล่าว “หากทรัมป์มีเจตนาที่จะปลดโรเบิร์ต มุลเลอร์ ซึ่งปัจจุบันทำหน้าที่หัวหน้าคณะที่ปรึกษาพิเศษของกระทรวงยุติธรรมและดูแลคดีการแทรกแซงการเลือกตั้งของรัสเซีย ก็เท่ากับว่าทรัมป์กำลังทำลายหลักนิติธรรมของสหรัฐฯ”
อ้างอิง:
