ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ยืนยันว่าเขามีอำนาจเด็ดขาดในการสั่งปลดมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ หลังมี 9 มลรัฐทางชายฝั่งตะวันออกและตะวันตกที่กำลังพิจารณายกเลิกคำสั่งควบคุมประชาชนให้อยู่บ้านอย่างเข้มงวด
การอ้างอำนาจของทรัมป์มีขึ้นหลังผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายหลายคนระบุว่า ตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ แล้ว มลรัฐต่างๆ มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของประชาชน ดังนั้นจึงเป็นความรับผิดชอบของผู้ว่าการรัฐในการตัดสินใจว่าจะยกเลิกมาตรการควบคุมโรคระบาดเมื่อใด
ปัจจุบันสหรัฐฯ มีผู้ป่วยโควิด-19 สะสมอยู่ที่ 682,619 ราย ซึ่งมากกว่าสเปนที่อยู่ในอันดับ 2 ถึง 4 เท่า โดยจำนวนนี้เสียชีวิต 23,529 ราย มากกว่าอิตาลีที่เป็นศูนย์กลางการระบาดของไวรัสโคโรนาในยุโรป อย่างไรก็ตาม มีหลายรัฐ เช่น นิวยอร์ก นิวเจอร์ซีย์ โรดไอแลนด์ คอนเนตทิคัต เดลาแวร์ และเพนซิลเวเนีย ที่กำลังพิจารณาแผนผ่อนคลายมาตรการที่เข้มงวด และดูเหมือนว่าผู้ว่าการรัฐหลายคนกำลังพูดคุยถึงแผนรีสตาร์ทกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยที่ไม่ได้หารือกับรัฐบาลทรัมป์ก่อน
ทรัมป์กล่าวที่ทำเนียบขาวว่า คณะบริหารของเขากำลังร่างแผนเปิดระบบเศรษฐกิจใหม่อีกครั้ง หลังชัตดาวน์ไปเพื่อชะลอการระบาดของโควิด-19 พร้อมยืนยันว่าเขามีอำนาจเต็มที่ในการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ หลังมีนักข่าวตั้งคำถามเกี่ยวกับขอบเขตอำนาจของเขาในการยกเลิกมาตรการให้คนอยู่บ้านซึ่งออกโดยรัฐต่างๆ
“เมื่อบางคนเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อำนาจนั้นเด็ดขาด ซึ่งผู้ว่าการรัฐรู้ดี และเรากำลังทำงานร่วมกับรัฐต่างๆ” ทรัมป์กล่าว
ด้าน แอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กเผยต่อผู้สื่อข่าววานนี้ว่า เขาเชื่อว่ารัฐนิวยอร์กผ่านพ้นช่วงเวลาเลวร้ายที่สุดของการระบาดไปแล้ว พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่ารัฐของเขาสามารถเริ่มเส้นทางกลับสู่ภาวะปกติได้
ขณะที่รัฐแคลิฟอร์เนีย วอชิงตัน และออริกอน ก็ได้ประกาศแผนที่จะแชร์แนวทางในการผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดและเปิดเมืองเช่นกัน โดยขณะนี้มีมากกว่า 40 รัฐที่ออกคำสั่งให้ประชาชนอยู่บ้านเพื่อชะลอการระบาดของไวรัส
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: