×

ทรัมป์ขู่เก็บภาษีจีนอีก 100% ฉุดมูลค่าตลาดหุ้นหายวับ 2 ล้านล้านดอลลาร์ในวันเดียว

12.10.2025
  • LOADING...
ทรัมป์ ภาษีจีน ตลาดหุ้น

Bespoke Investment Group ประเมินว่า หลังจากทรัมป์โพสต์ขู่เก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 100% เริ่มต้นพฤศจิกายน ได้ฉุดมูลค่าตลาดหุ้นหายวับ 2 ล้านล้านดอลลาร์ในวันเดียว โดยดึงดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ อย่าง S&P 500, Nasdaq และ Dow Jones ร่วงหนักสุดในรอบหลายเดือน ด้านนักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า คำขู่ครั้งนี้อาจเป็นเพียงกลยุทธ์เจรจาต่อรองเหมือนเคย และอาจเป็นโอกาสให้นักลงทุนเข้าช้อนซื้อในช่วงที่ราคาตกต่ำ (Buy the dip)

 

ย้อนกลับไปในช่วงเช้าวันศุกร์ (ตามเวลาสหรัฐฯ) ดัชนี S&P 500 ขยับเข้าใกล้การทำสถิติสูงสุดใหม่ตลอดกาลอีกครั้ง โดยขาดไปไม่ถึง 2 จุด อย่างไรก็ตาม หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้โพสต์บนแพลตฟอร์ม Truth Social โดยกล่าวว่า จีนกำลังแสดงท่าทีเป็นปรปักษ์อย่างยิ่งต่อประเทศอื่นๆ ในโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการควบคุมแร่ Rare Earth มูลค่าตลาดกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ก็หายวับไป

 

นอกจากนี้ ในโพสต์ดังกล่าว ทรัมป์ยังกล่าวหาว่าจีนกำลังกุมชะตาโลกไว้เป็นตัวประกันเนื่องจากการผูกขาดทรัพยากรที่สำคัญเหล่านี้ พร้อมทั้งระบุว่า หนึ่งในนโยบายที่สหรัฐฯ กำลังพิจารณาในขณะนี้ คือการขึ้นภาษีศุลกากรครั้งใหญ่กับสินค้าจีนที่นำเข้ามายังสหรัฐอเมริกา

 

โดย Bespoke Investment Group บริษัทวิจัยตลาดการเงินในสหรัฐฯ ประเมินว่ามูลค่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ราว 2 ล้านล้านดอลลาร์ได้หายไปจากโพสต์เดียวโพสต์นั้น โดยดัชนี S&P 500 ร่วงลง 2.7% เมื่อสิ้นสุดการซื้อขายในวันศุกร์ (ตามเวลาสหรัฐฯ) ซึ่งเป็นการปิดตลาดที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน

 

ขณะที่ดัชนี Nasdaq Composite ซึ่งเป็นที่รวมของบริษัทเทคโนโลยีที่พึ่งพาการค้ากับจีน ดิ่งลง 3.56% ซึ่งเป็นผลงานที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายนเช่นกัน โดยก่อนหน้าที่ทรัมป์จะโพสต์ ดัชนี Nasdaq ได้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไปแล้วในช่วงการซื้อขายวันศุกร์

 

ส่วนดัชนี Dow Jones Industrial Average ร่วงลง 879 จุด หรือ 1.9% ซึ่งเป็นการลดลงที่หนักที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ส่วนดัชนีหุ้นขนาดเล็ก Russell 2000 ลดลง 3%

 

ทำไมตลาดจึงร่วงลงอย่างรุนแรง?

 

แม้ว่าการเจรจาการค้าระหว่างรัฐบาลทรัมป์กับจีนจะดำเนินไปช้ากว่าประเทศอื่นๆ แต่ความเห็นส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นเชื่อว่าในที่สุดทั้งสองประเทศจะสามารถหาข้อตกลงกันได้ และความสัมพันธ์โดยรวมกำลังดีขึ้น โดยทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ยังมีกำหนดจะพบกันในการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ในปลายเดือนนี้

 

นอกจากนี้ ตลาดยังคุ้นชินกับอัตราภาษีประมาณ 40% ที่สหรัฐฯ ใช้กับจีนอยู่แล้ว อีกทั้งการยกเว้นภาษีสำหรับสินค้าที่ผลิตในจีน เช่น iPhone ของ Apple ก็มีขอบเขตกว้างพอที่จะช่วยลดผลกระทบทางเศรษฐกิจได้

 

อย่างไรก็ตาม หากทรัมป์ดำเนินการตามคำขู่ล่าสุด นักลงทุนเกรงว่าภาระครั้งนี้อาจหนักเกินกว่าที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะรับไหว เนื่องจากยังคงต้องพึ่งพาชิ้นส่วนนำเข้าเพื่อผลิตรถยนต์ แผงโซลาร์เซลล์ และอื่นๆ โดยบางทีความเสี่ยงที่ใหญ่กว่าซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดคือ การตอบโต้จากจีนต่อสินค้าของสหรัฐฯ ซึ่งอาจนำไปสู่สงครามการค้าเต็มรูปแบบ

 

อะไรคือชนวนเหตุที่ทรัมป์ออกมาขู่?

 

ในช่วงคืนวันพฤหัสบดี จีนได้เพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมตลาดแร่ Rare Earth ซึ่งจีนครองส่วนแบ่งอุปทานทั่วโลกอยู่ประมาณ 70% โดยรัฐบาลปักกิ่งระบุว่า หน่วยงานภายนอกจะต้องได้รับใบอนุญาตเพื่อส่งออกสินค้าแทบทุกชนิดที่ใช้แร่หายากของจีน ส่วนบริษัทที่ใช้ Rare Earth ในการผลิตยุทโธปกรณ์ทางทหารจะถูกปฏิเสธ ขณะที่การใช้งานของบริษัทต่างๆ จะได้รับการพิจารณาเป็นรายกรณีโดยจีน

 

ทั้งนี้ Rare Earth ถือเป็นแร่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ยานพาหนะไฟฟ้า และวัสดุสำหรับขีปนาวุธขั้นสูง ทรัมป์จึงพยายามที่จะเสริมสร้างอุปทานแร่โลหะเหล่านี้ในสหรัฐฯ โดยสนับสนุนและแม้กระทั่งการลงทุนในบริษัทเหมืองแร่ในสหรัฐฯ และแคนาดา

 

การเทขายครั้งนี้จะดำเนินต่อไปนานแค่ไหน?

 

มีการประเมินว่า วันจันทร์อาจเป็นอีกวันที่หนักหน่วงสำหรับตลาด เนื่องจากหลังจากตลาดปิด ทรัมป์ได้โพสต์ข้อความตามมาอีกว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 100% โดยจะเริ่มต้นในเดือนหน้า เพิ่มเติมจากภาษีใดๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน

พร้อมเสริมว่าสหรัฐฯ จะใช้มาตรการควบคุมการส่งออก ‘ซอฟต์แวร์ที่สำคัญทั้งหมด’ ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผู้นำด้าน AI อย่าง Nvidia

 

ทั้งนี้ คำขู่การเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบนี้ใหม่ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในต้นเดือนหน้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับการประชุมสุดยอดที่ทรัมป์มีกำหนดจะพบกับสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน

ถึงกระนั้น นักลงทุนบางส่วนเชื่อว่า ควรรอดูไปก่อนว่าทรัมป์จะทำตามคำขู่ทั้งหมดจริงหรือไม่ เนื่องจากภาษีในอัตราที่สูงลิ่วส่วนใหญ่ที่เคยขู่ไว้เมื่อต้นเดือนเมษายน ซึ่งทำให้ตลาดทั่วโลกปั่นป่วน ก็ได้ถูกปรับลดลงอย่างมากในภายหลังผ่านการเจรจา ซึ่งเป็นการวางรากฐานให้ตลาดฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งสู่จุดสูงสุดใหม่

 

โดยในครั้งนั้น การไม่เชื่อคำขู่ของทรัมป์และเข้าซื้อในช่วงที่ราคาตกต่ำ (Buy the dip) ถือเป็นการตัดสินใจที่ให้ผลตอบแทนที่ดี และนักลงทุนจำนวนมากก็คิดว่าครั้งนี้จะเป็นเช่นนั้นอีก

 

เจย์ วูดส์ หัวหน้านักยุทธศาสตร์การตลาดของ Freedom Capital Markets กล่าว “ข่าวดีก็คือ นี่อาจเป็นเพียงอีกหนึ่งกลยุทธ์การเจรจาของรัฐบาลที่อาจให้ผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว” พร้อมกล่าวต่อว่า “การเทขายอย่างตื่นตระหนกนี้น่าจะเป็นอีกหนึ่งโอกาสในการเข้าซื้อ”

 

นอกจากนี้ การร่วงลงครั้งนี้เป็นเพียงการดึงดัชนี S&P 500 กลับไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งเดือนเท่านั้น โดยดัชนีดังกล่าวยังคงบวกอยู่มากกว่า 11% ในปีนี้ ด้วยกระแสการลงทุนในหุ้น AI ที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรหยุดยั้งได้ ซึ่งบดบังภัยคุกคามจากสงครามภาษี ความขัดแย้งทั่วโลก และการปิดหน่วยงานของรัฐบาลที่ยังดำเนินอยู่

 

ภาพ: Champ008 / Shutterstock 

อ้างอิง: 

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising