The New York Times รายงานว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สอบถามไปยังผู้ช่วยระดับสูงเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการโจมตีสถานที่พัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่าน
หนังสือพิมพ์ดังกล่าวรายงานอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่อาวุโสและอดีตเจ้าหน้าที่รวม 4 คน โดยระบุว่า การประชุมเกิดขึ้นที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาวเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (12 พฤศจิกายน) ซึ่ง 1 วันก่อนหน้านั้น ทบวงการปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ออกรายงานว่า อิหร่านเก็บสะสมแร่ยูเรเนียมแตะระดับ 12 เท่าของขีดจำกัด 300 กิโลกรัมตามที่กำหนดในข้อตกลงแผนปฏิบัติการร่วมฉบับครอบคลุม ซึ่งสหรัฐฯ และอีก 5 ชาติลงนามเมื่อปี 2015 แต่ทรัมป์นำสหรัฐฯ ถอนตัวจากข้อตกลงดังกล่าวในปี 2018
แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่เปิดเผยกับ The New York Times ว่า ทรัมป์ได้สอบถามที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติระดับสูงสุดว่ามีทางเลือกอะไรที่เขาทำได้ รวมถึงวิธีการใดที่ดีที่สุดในการตอบโต้อิหร่าน
สื่อระบุต่อว่า ไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดี, ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, คริสโตเฟอร์ มิลเลอร์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พลเอก มาร์ก มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วม เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ปรึกษาระดับสูงที่โน้มน้าวให้ทรัมป์อย่าใช้ปฏิบัติการทางทหารกับอิหร่าน โดยพวกเขาเตือนด้วยว่า การโจมตีอิหร่านอาจบานปลายกลายเป็นการเผชิญหน้าเต็มรูปแบบในช่วงวันท้ายๆ ก่อนที่ทรัมป์จะหมดวาระการดำรงตำแหน่ง
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า หลังจากที่ปอมเปโอและพลเอก มิลลีย์เตือนว่าการโจมตีเช่นว่านี้อาจเพิ่มความเสี่ยงทำให้ความขัดแย้งขยายวงกว้างแล้ว บรรดาเจ้าหน้าที่ก็เดินออกจากห้องประชุม โดยต่างก็คิดว่าการโจมตีเป้าหมายบนแผ่นดินอิหร่านด้วยขีปนาวุธคงไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เปิดเผยกับ The New York Times ว่า ทรัมป์ยังคงพิจารณาแผนโจมตีพันธมิตรหรือสินทรัพย์ของอิหร่าน เช่น กลุ่มติดอาวุธในอิรัก
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: