เงิน บาทพลิกแข็ง ค่าต่อเนื่อง และแตะระดับแข็งสุดรอบ 6 เดือน หรือตั้งแต่ตุลาคมปีก่อน ท่ามกลางการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ ภาวะที่ความเชื่อมั่นต่อสินทรัพย์สหรัฐฯ ถูกสั่นคลอนจากนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาล Trump 2.0 ขณะที่ราคาทองคำก็ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
โดยตั้งแต่ต้นปี (YTD) เงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าแล้วกว่า 3.40% แต่นับว่ายังสอดคล้องกับสกุลเงินหลายประเทศในภูมิภาค โดยตามการรวบรวมข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 17 เมษายน พบว่า ตั้งแต่ต้นปี (YTD) สกุลเงินเอเชียต่างๆ มีการเคลื่อนไหวดังนี้
🇯🇵 เยนญี่ปุ่น แข็งค่า 9.18%
🇸🇬ดอลลาร์สิงคโปร์ แข็งค่า 4.01%
🇰🇷 วอนเกาหลีใต้ แข็งค่า 3.80%
🇹🇭 บาทไทย แข็งค่า 3.40%
🇵🇭 เปโซฟิลิปปินส์ แข็งค่า 2.36%
🇲🇾 ริงกิตมาเลเซีย แข็งค่า 1.34%
🇹🇼 ดอลลาร์ไต้หวัน แข็งค่า 0.82%
🇭🇰 ดอลลาร์ฮ่องกง แข็งค่า 0.09%
🇮🇳 รูปีอินเดีย แข็งค่า 0.07%
🇨🇳 หยวนจีน อ่อนค่า 0.12%
🇻🇳 ดองเวียดนาม อ่อนค่า 1.41%
🇮🇩 รูเปียห์อินโดนีเซีย อ่อนค่า 4.36%
ธปท. เตือนแนวโน้มเงินบาทจ่อผันผวน
วันนี้ (16 เมษายน) สักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มองว่า เงินบาทที่แข็งค่าช่วงนี้ ส่วนหนึ่งมาจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง เหตุตลาดตีความว่า นโยบายภาษีศุลกากร (Tarrif) ของสหรัฐฯ ไม่น่าจะเป็นผลดีต่อสหรัฐฯ เองทำให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังมีการเข้าแทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยนประกอบด้วย เพื่อสร้างสมดุลทางการค้า นอกเหนือจากการใช้มาตรการ Tarrif
สักกะภพ ยังยืนยันอีกว่า การเคลื่อนไหวของเงินบาทยังสอดคล้องกับสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค นอกจากนี้ ธปท.ไม่เห็นการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ผิดปกติไปจากปัจจัยพื้นฐาน
สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท สักกะภพระบุว่า น่าจะผันผวนต่อไปอย่างแน่นอน เนื่องจากสถานการณ์ต่างๆ ยังไม่จบ และอาจมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นมาได้ตลอด
ธปท. ย้ำดูแลค่าเงินบาท-เงินสำรองฯ
สักกะภพ กล่าวอีกว่า ธปท.มีการเข้าไปดูแลช่วงที่เงินบาทมีความผันผวนเยอะอยู่แล้ว และมีการประเมินสัดส่วนของเงินสำรองระหว่างประเทศเสมอ
“ธปท. มีการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงอยู่แล้ว ทั้งในประเทศที่พัฒนาแล้วคุณภาพดี และประเทศกำลังพัฒนาที่มีอันดับความน่าเชื่อ (Credit Rating) ที่ดี รวมถึงมีการลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ ด้วยเช่น ทองคำ นอกจากนี้ ธปท.ยังคอยติดตาม และปรับปรุง เพื่อให้มั่นใจว่า การกระจายความเสี่ยงยังคงดีอยู่” สักกะภพ กล่าวในงาน Media Briefing หัวข้อ “วิเคราะห์ผลกระทบเบื้องต้นของนโยบายการค้าโลกต่อเศรษฐกิจไทย”
เงินบาทแข็ง ใครได้ประโยชน์
- ผู้นำเข้า ได้ประโยชน์จากราคาสินค้าต่างประเทศที่ถูกลง ช่วยลดต้นทุนการนำเข้าสินค้า
- ประชาชน ซื้อสินค้าและบริการจากต่างประเทศได้ถูกลง
- ผู้ลงทุน นำเข้าสินค้าทุนได้ถูกลง
- ผู้เป็นหนี้กับต่างประเทศ มีภาระหนี้ลดลง เพราะใช้เงินบาทน้อยลงในการชำระหนี้สกุลเงินต่างประเทศ
เงินบาทแข็ง ใครเสียประโยชน์
- ผู้ส่งออก เสียประโยชน์จากราคาสินค้าที่แพงกว่าคู่แข่ง ทำให้มีรายได้ในรูปของเงินบาทลดลง
- คนทำงานต่างประเทศ นำรายได้ที่เป็นเงินสกุลต่างประเทศ มาแลกเป็นเงินบาทได้น้อยลง
- ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่รับเงินสกุลต่างประเทศ นำรายได้มาแลกเป็นเงินบาทได้น้อยลง
ภาพประกอบ: พุทธิพงศ์ โรจน์ศตพงค์
