×

AI ในยุคทรัมป์ 2.0

07.03.2025
  • LOADING...
trump-2.0-ai-impact

สหรัฐอเมริกากำลังยืนอยู่บนจุดเปลี่ยนที่สำคัญของการแข่งขัน AI บนเวทีโลก การเปลี่ยนแปลงนโยบายด้าน AI ภายใต้ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงให้เห็นถึงการหันหัวเรือกลับ 180 องศาจากนโยบายในยุครัฐบาล โจ ไบเดน ที่เน้นความสมดุลระหว่างการก้าวไปข้างหน้ากับการก็การประเมินถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

 

ในทางตรงกันข้าม นโยบายของทรัมป์มุ่งเน้นไปที่ความเป็นเลิศทางเทคโนโลยีและการวางจุดยืนของสหรัฐฯ ให้เป็นเบอร์หนึ่งบนเวทีโลก วาระด้าน AI ของทรัมป์จึงมีแนวโน้มที่จะปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ของนวัตกรรม ยุทธศาสตร์ระดับชาติ และความร่วมมือระหว่างประเทศ

 

การยกเลิกกรอบการทำงานด้าน AI ของไบเดน

 

คำสั่งฝ่ายบริหารล่าสุดของทรัมป์ Executive Order 14179: Removing Barriers to American Leadership in Artificial Intelligence แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงการกำกับดูแล AI ซึ่งมีการยกเลิกกรอบการจัดการความเสี่ยงและแนวทางจริยธรรม AI ที่ไบเดนสนับสนุน เป้าหมายหนึ่งเดียวของทรัมป์คือการปลดล็อกศักยภาพด้าน AI ของอเมริกาโดยให้มีการแทรกแซงจากรัฐบาลให้น้อยที่สุด การเปลี่ยนแปลงนี้สอดคล้องกับการลดกฎระเบียบในภาพรวมของทรัมป์ ที่ให้ความสำคัญกับความเร็ว การลงทุน และความได้เปรียบในการแข่งขันมากกว่ามาตรการเชิงป้องกันของไบเดน

 

นโยบายที่รัฐบาลไบเดนใช้จะเป็นแนวป้องกันที่ระมัดระวังเรื่องผลกระทบในแง่ลบของ AI เช่นการให้ความสำคัญกับเรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค การพัฒนา AI อย่างมีความรับผิดชอบ และการประสานความร่วมมือด้านกฎระเบียบระหว่างประเทศโดยเฉพาะกับฝั่งยุโรป คำสั่งฝ่ายบริหารด้าน AI ของไบเดนจึงมีทิศทางที่มุ่งเน้นไปที่การสร้างความสมดุลระหว่างความก้าวหน้าของนวัตกรรมกับการคำนึงด้านความปลอดภัยและจริยธรรม โดยให้ความสำคัญกับการลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับอคติในอัลกอริทึม (Algorithmic Bias) ข้อมูลบิดเบือน (Misinformation) และผลกระทบต่อแรงงานอย่างการทดแทนแรงงานด้วย AI (Workforce Replacement)

 

อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ได้หันหัวเรือและเปลี่ยนทิศทางนโยบายแบบย้อนกลับ 180 องศา โดยทรัมป์มองว่า AI ควรเป็นตัวขับเคลื่อนความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและความได้เปรียบทางภูมิรัฐศาสตร์ และ AI ไม่ควรอยู่ภายใต้การกำกับดูแลที่มากเกินไปซึ่งอาจส่งผลให้นวัตกรรมเคลื่อนที่ช้า ส่งผลให้สหรัฐฯ อาจสูญเสียความเป็นหนึ่งในเรื่องเทคโนโลยี

 

ถึงแม้ทิศทางการโตแบบใช้นวัตกรรมเป็นตัวนำอาจดึงดูดภาคธุรกิจ แต่ก็มีความเสี่ยงเนื่องจากการผ่อนคลายกฎระเบียบ AI มากเกินไปอาจนำไปสู่ข้อมูลบิดเบือนที่เพิ่มขึ้น และอคติในอัลกอริทึมที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ ซึ่งอาจส่งเสริมความไม่เท่าเทียมและก่อให้เกิดภัยคุกคามด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ใหม่ๆ 

 

สหรัฐฯ ต้องยืนหนึ่งเรื่อง AI

 

นโยบายด้าน AI ของทรัมป์สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนยุทธศาสตร์ความร่วมมือในด้าน AI กับประเทศพันธมิตร

 

ในขณะที่ไบเดนได้พยายามสร้างความร่วมมือกับฝั่งยุโรปในด้านการกำกับดูแล AI แนวทางของทรัมป์กลับเน้นไปที่การโตแบบฝ่ายเดียว (Unilateral) โดยรัฐบาลทรัมป์มีแนวโน้มที่จะปฏิบัติตามกฎระเบียบ AI ที่เข้มงวดของยุโรป ‘น้อยลง’ ซึ่งให้เหตุผลว่าการปฏิบัติตามการกำกับดูแลแบบสหภาพยุโรปอาจทำให้นวัตกรรมของอเมริกาโตช้าลง

 

นโยบายของทรัมป์ตั้งอยู่บนแนวคิดที่ว่า AI ของสหรัฐฯ จะต้องเป็นอันดับหนึ่งเท่านั้น เพื่อให้บริษัทสัญชาติอเมริกันสามารถรักษาความได้เปรียบทางเทคโนโลยีเหนือคู่แข่งในยุโรปและเอเชีย รัฐบาลมองว่านโยบาย AI ของยุโรปอาจเป็นอุปสรรคต่อนวัตกรรม และเดิมพันว่าบริษัทอเมริกันที่ไม่ถูกพันธนาการด้วยกฎระเบียบที่เข้มงวดจะก้าวขึ้นเหนือคู่แข่งบนเวทีระดับโลก

 

อย่างไรก็ตาม จุดยืนนี้ก็มีข้อเสียที่อาจเกิดขึ้นได้ การถอยห่างของสหรัฐฯ จากความพยายามในการกำกับดูแล AI ของยุโรป อาจสร้างความแตกแยกด้านกฎระเบียบ (Fragmented) ทำให้บริษัทอเมริกันทำธุรกิจในยุโรปได้ยากขึ้น 

 

กลุ่มที่ปรึกษาจาก Silicon Valley

 

ในขณะที่รัฐบาลไบเดนเน้นการรวมตัวผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการซึ่งให้ความสำคัญกับนโยบายด้านจริยธรรมและความปลอดภัยของ AI ทรัมป์ได้ห้อมล้อมตัวเองด้วยคนจาก Silicon Valley ซึ่งให้ความสำคัญกับความก้าวหน้าของนวัตกรรมและเทคโนโลยีมากกว่าการกำกับดูแล ตัวอย่างของบุคคลรอบตัวไม่ว่าจะเป็น เดวิด แซ็กส์ หรือ อีลอน มัสก์ ซึ่งทั้งคู่ต่างก็เป็น PayPal Mafia ผู้ซึ่งมีอิทธิพลในวงการเทคโนโลยีและ Silicon Valley ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

 

จุดยืนของของคนกลุ่มนี้สะท้อนความเชื่อที่ว่าสหรัฐฯ ควรใช้ศักยภาพของ AI ให้เต็มที่โดยไม่ถูกจำกัดด้วยกฎระเบียบที่มากเกินไป สะท้อนมุมมองที่เป็นมิตรกับธุรกิจและเทคโนโลยีของทรัมป์

 

อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบของที่ปรึกษาที่เน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีและความสามารถในการเติบโตของธุรกิจก็ก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการขาดการกำกับดูแลที่เหมาะสม เนื่องจากการให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ขององค์กรเป็นหลัก ทำให้รัฐบาลอาจมองข้ามผลกระทบต่อสังคมในวงกว้างของ AI รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของแรงงาน อีกทั้งยังมีความกังวลที่ว่านโยบายและทิศทางการพัฒนา AI ไม่ควรถูกกำหนดโดยผู้นำอุตสาหกรรมที่ได้ผลประโยชน์เท่านั้น แต่ควรได้รับมุมมองที่สมดุลจากนักจริยธรรม กลุ่มแรงงาน และผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายสาธารณะเข้าไปด้วย

 

ความก้าวหน้าของ AI จีน และผลกระทบต่อความมั่นคงประเทศ

 

ปัจจุบันรัฐบาลสหรัฐฯ มองว่า AI ไม่ใช่แค่ธีมการพัฒนาเทคโนโลยีเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของความมั่นคงประเทศอีกด้วย เนื่องจากความก้าวหน้า AI ของจีนที่ก้าวกระโดดและวิ่งเข้าใกล้สหรัฐฯ มากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI ในทางทหารอาจส่งผลต่อความมั่นคงประเทศ นโยบายของทรัมป์เชื่อว่าการกำกับดูแลที่มากเกินไป อาจส่งผลให้นวัตกรรมโตช้าลงและทำให้มีโอกาสเสียพื้นที่ให้กับจีน ซึ่งเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของอเมริกา

 

ในขณะที่นโยบายของไบเดนพยายามสร้างสมดุลระหว่างความมั่นคงของประเทศกับความร่วมมือระหว่างประเทศ ทรัมป์กำลังให้ความสำคัญกับการแข่งขันโดยตรง อย่างไรก็ตาม ในขณะที่รัฐบาลมองว่าจีนเป็นคู่แข่งโดยตรง การที่สหรัฐฯ ใช้แนวทางที่เป็นปรปักษ์กับจีนมากเกินไปอาจส่งผลในแง่ลบต่อระบบนิเวศ AI ระดับโลกซึ่งมีการเชื่อมโยงกันอย่างมาก การตัดความสัมพันธ์กับจีนโดยสิ้นเชิงในการวิจัย AI อาจขัดขวางการแลกเปลี่ยนความรู้และทำให้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีโดยรวมช้าลง 

 

อนาคตของ AI ภายใต้การนำของทรัมป์

 

นโยบายด้าน AI ในยุคทรัมป์ 2.0 หลีกเลี่ยงการกำกับดูแลแบบยุโรป ยกเลิกเรื่องความกังวลและการลดความเสี่ยงที่มีในยุคของไบเดน และมองว่าการพัฒนา AI เป็นเรื่องของการแข่งขัน มากกว่าจะเป็นเครื่องมือสำหรับความร่วมมือระดับโลก การมีจุดมุ่งหมายชัดเจนที่ต้องการทิ้งห่างจีน สหรัฐฯ กำลังเข้าสู่ยุคที่ต้องการยืนเป็นเบอร์หนึ่งในด้าน AI

 

ในขณะที่ทิศทางการพัฒนานี้อาจเร่งความเป็นผู้นำของอเมริกาในด้าน AI อย่างไรก็ตาม การขาดนโยบายในด้านการจัดระเบียบ AI ไปเลยจะสร้างความเสี่ยงที่คาดไม่ถึงหรือไม่ และที่สำคัญที่สุดกลยุทธ์นี้สามารถทำให้อเมริกาจะรักษาความเป็นเลิศด้าน AI ในระยะยาวโดยไม่ส่งผลเสียต่อสังคมในระยะยาวเลยหรือไม่

 

สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ จากนี้เป็นต้นไปรัฐบาลทรัมป์ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสหรัฐฯ จะทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองยืนเป็นเบอร์หนึ่งในเรื่อง AI บนเวทีโลก 

 

ภาพ: Andrew Harnik / Getty Images, Yaroslav Kushta / Getty Images 

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising