วันนี้ (11 พฤศจิกายน) ที่ทำเนียบรัฐบาล ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการจัดการแรงงานกัมพูชาในประเทศไทย ภายหลังเกิดเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาดอีกครั้งว่า ขณะนี้เรื่องแรงงานอาจได้รับผลกระทบบ้าง โดยเฉพาะแรงงานกัมพูชาที่อยู่ในภาคการเกษตร ซึ่งไทยพยายามหาแรงงานมาทดแทนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นจากพม่า ลาว หรือเวียดนาม โดยในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ จะมีการเสนอให้ที่ประชุมรับทราบแนวทางด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า แรงงานกัมพูชาที่อยู่ในประเทศไทยขณะนี้จะดำเนินการอย่างไร จะผลักดันออกนอกประเทศหรือไม่ ตรีนุช กล่าวว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคง จึงต้องหารือใน ครม. แต่ยืนยันว่า สำหรับแรงงานที่ขาดแคลน ไทยจะหาแรงงานทดแทน และเร่งต่ออายุให้แรงงานจากเวียดนาม ลาว และพม่าอยู่ทำงานต่อได้ ซึ่งทั้ง 3 สัญชาตินี้เป็นแรงงานส่วนใหญ่ในประเทศไทย แต่ก็ยอมรับว่า ภาคเกษตรของไทยอาจได้รับผลกระทบบ้าง เนื่องจากส่วนใหญ่ใช้แรงงานกัมพูชา
เมื่อถามว่า แรงงานกัมพูชาในประเทศไทยมีจำนวนเท่าไหร่ ตรีนุช กล่าวว่า มีประมาณเกือบ 1 แสนคน ในจำนวนนี้ราว 9 หมื่นคนเป็นแรงงานถูกต้องตามกฎหมาย แต่บัตรหมดอายุ นอกจากนี้ ด่านชายแดนปิด ทำให้ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศได้ จึงตกค้างอยู่ในไทย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากเจอแรงงานกัมพูชาที่บัตรหมดอายุ จะผลักดันออกนอกประเทศหรือไม่ ตรีนุช กล่าวว่า ต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน โดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการผลักดันแรงงานกัมพูชาออกนอกประเทศ จะกระทบภาคการเกษตร ภาคประมง หรือภาคอุตสาหกรรมหรือไม่ ตรีนุช กล่าวว่า ภาคประมงไม่ค่อยใช้แรงงานกัมพูชา ส่วนใหญ่ใช้ในภาคเกษตร โดยเฉพาะแรงงานตัดอ้อย
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีรับทราบปัญหาเหล่านี้แล้ว และได้มอบมาตรการรองรับไว้ก่อนหน้านี้ ทั้งการนำแรงงานในศูนย์พักพิงจำนวนกว่า 4 หมื่นคนออกมาช่วยบรรเทาการขาดแคลน รวมถึงการเร่งปลดล็อกแรงงานเมียนมาและเวียดนามที่หมดอายุหรือใกล้หมดอายุ เพื่อให้เข้ามาทดแทนแรงงานกัมพูชาได้
ตรีนุช กล่าวอีกว่า แรงงานที่เข้ามาทดแทนอาจมีทักษะไม่ตรงกัน แต่ด้วยมิติด้านความมั่นคง และความกังวลของประชาชน จึงเป็นเรื่องที่ต้องทบทวนอย่างรอบคอบ


