รัฐบาลอัดมาตรการท่องเที่ยว เร่งเครื่องก่อนช่วงไฮซีซั่น ทั้งมาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล การเร่งรัดการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายด้านฝึกอบรม ประชุม และสัมมนาของภาครัฐ ขยายระยะเวลาการปรับลดอัตราภาษีสำหรับกิจการบันเทิงหรือหย่อนใจ และมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโรงแรมที่พัก
1. มาตรการ ‘เที่ยวดี มีคืน’ ลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดา สูงสุด 3 หมื่นบาท
มาตรการภาษีสำหรับบุคคลธรรมดา โดยบุคคลธรรมดาสามารถลดหย่อนค่าที่พักและค่าบริการของร้านอาหารได้ ไม่เกิน 20,000 บาท โดยแบ่งเป็น
- 10,000 บาทแรก ต้องมีหลักฐานเป็นใบกำกับภาษีแบบกระดาษ/ e-Tax Invoice
- 10,000 บาทถัดไป ต้องใช้ e-Tax Invoice เท่านั้น
เงื่อนไขการลดหย่อน สำหรับเมืองรอง vs. นอกจากเมืองรอง:
- เมืองรองได้ 1.5 เท่า (หักลดหย่อนตามจำนวนที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท)
- นอกจากเมืองรองได้ 1 เท่า (หักลดหย่อนตามจำนวนที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท)
ระยะเวลาโครงการ: เริ่มตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม ถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2568
ผู้ใช้สิทธิ: บุคคลธรรมดาผู้มีเงินได้ แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล
ค่าใช้จ่ายที่ใช้สิทธิได้: ค่าที่พักในโรงแรม ค่าที่พักโฮมสเตย์ไทย และค่าที่พักในสถานที่พักที่ไม่เป็นโรงแรม และค่าบริการของร้านอาหารตามจำนวนที่จ่ายจริงให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
2. ‘เที่ยวดี มีคืน’ ลดหย่อนภาษีสำหรับ บริษัท/ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
มาตรการภาษีสำหรับ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล โดยสามารถลดหย่อนค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องในการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ
ระยะเวลาโครงการ : เริ่มตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม ถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2568
ผู้ใช้สิทธิ : บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
เงื่อนไข เมืองรอง vs. นอกจากเมืองรอง :
- เมืองรอง หักรายจ่ายตามที่จ่ายจริงได้ 2 เท่า
- นอกจากเมืองรอง หักรายจ่ายตามที่จ่ายจริงได้ 1.5 เท่า
หมายเหตุ: ต้องใช้ e-Tax Invoice เท่านั้น เว้นค่าขนส่ง แต่ต้องมี e-Receipt
ค่าใช้จ่ายที่ใช้สิทธิได้ :
- รายจ่ายสำหรับการจัดสัมมนา ประกอบด้วย รายจ่ายค่าห้องสัมมนา ค่าห้องพัก ค่าขนส่ง หรือรายจ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการอบรมสัมมนาภายในประเทศที่จัดให้แก่ลูกจ้าง และค่าบริการของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว
- กรณีที่การจัดอบรมสัมมนาครั้งหนึ่งๆ เกิดขึ้นในท้องที่เมืองรองและเมืองอื่นต่อเนื่องกัน ให้หักรายจ่ายที่สามารถแยกได้โดยชัดแจ้งว่าเกิดขึ้นในท้องที่ใด และให้หักรายจ่ายที่ไม่สามารถแยกได้โดยชัดแจ้งว่าเกิดขึ้นในท้องที่ใดได้ 1.5 เท่าของรายจ่ายตามที่จ่ายจริง
3. มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโรงแรมที่พัก
มาตรการหักรายจ่ายการต่อเติม เปลี่ยนแปลง ขยายออก หรือทำให้ดีขึ้นซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการ (โดยไม่ใช่เป็นการซ่อมแซมให้คงสภาพเดิม) 2 เท่า ของรายจ่ายตามที่จ่ายจริง
ระยะเวลา : 29 ตุลาคม 2568 – 31 มีนาคม 2569
ผู้ใช้สิทธิ : บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการโรงแรม
หมายเหตุ : สำหรับทรัพย์สิน ที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการ ประกอบด้วย
(1) อาคารถาวรที่มีไว้ใช้ในการประกอบกิจการโรงแรม
(2) เครื่องตกแต่งหรือเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นส่วนประกอบและยึดติดกับอาคารตาม (1) เป็นการถาวร
ทั้งนี้ ให้หักรายจ่ายเท่าแรกเป็นค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินตามปกติ และทยอยหักรายจ่ายเท่าที่ 2 เป็นระยะเวลา 20 รอบระยะเวลาบัญชีในจำนวนที่เท่ากันทุกปี โดยเริ่มตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่ได้เริ่มหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สิน
นอกจากนี้ รัฐบาลได้เตรียมแหล่งเงินสำหรับรองรับการปรับปรุงโรงแรมที่พัก โดยธนาคารออมสิน ซึ่งอยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป
4. ลดอัตราภาษีกิจกรรมบันเทิง-หย่อนใจ
มาตรการขยายระยะเวลาการปรับลดอัตราภาษีสำหรับกิจการบันเทิงหรือหย่อนใจ ประเภทที่ 17.01 จาก 10% เป็น 5% ออกไปอีก 1 ปี
ระยะเวลา : 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2569
ผู้ใช้สิทธิ : กิจการบันเทิงหรือหย่อนใจ ประเภทที่ 17.01 อาทิ ไนต์คลับ ดิสโกเทค ผับ บาร์ ค็อกเทลเลาจน์ เป็นต้น
ขยายเวลาปรับลดอัตราภาษีตามมูลค่าจาก 10% เป็น 5% ออกไปอีก 1 ปี โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2569 สำหรับ
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังโดยกรมสรรพสามิตได้มีการบูรณาการร่วมมือกรมการปกครองให้นำผู้ประกอบการมาจดทะเบียนสถานประกอบการเพื่อขยายฐานภาษีสรรพสามิตต่อไป
ภาพประกอบ: กันยกร กาญจนวิไล