ก่อนจะเข้าไปที่เนื้อหาของซีรีส์สารคดีชุดนี้กัน เราอยากเกริ่นนำถึงเรื่องราวความเป็นมาของเทศกาล Woodstock ก่อน เผื่อใครหลายคนไม่ทราบถึงความเป็นมาของงานที่ถูกขนานนามว่าเป็นสัญลักษณ์ของ ‘สันติภาพ ความรัก และเสียงดนตรี’
Woodstock Music and Art Fair หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า Woodstock เป็นเทศกาลดนตรีที่จัดขึ้นในวันที่ 15-18 สิงหาคม ปี 1969 ณ ฟาร์มโคนมของ Max Yasgur ในเมือง Bethel รัฐนิวยอร์ก ซึ่งห่างจากเมือง Woodstock ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 65 กิโลเมตร
เรียกได้ว่าเป็นนิทรรศการ Aquarian: 3 วันแห่งสันติภาพและเสียงดนตรี หรือเรียกอีกอย่างว่าเทศกาล Woodstock Rock ซึ่งดึงดูดผู้ชมได้มากกว่า 400,000 คน พร้อมการแสดงดนตรีมากถึง 32 วงในเวลาเดียวกัน ทำให้เทศกาลนี้ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์ดนตรียอดนิยม และเป็นเหตุการณ์สำคัญสำหรับรุ่นต่อต้านวัฒนธรรม
แต่แล้วเมื่อถึงปี 1999 ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปตลอดกาล เมื่อเทศกาล Woodstock ที่เคยถูกขนานนามว่าเป็นเหมือนตัวแทนของสันติภาพ ความรัก และเสียงดนตรี ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นเหตุการณ์ที่ทั้งโลกจะต้องจารึกไปตลอดกาล
และ Trainwreck: Woodstock ’99 คือซีรีส์สารคดีที่บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในเหตุการณ์ครั้งนั้น โดยแบ่งย่อยเรื่องราวออกมาทั้งหมด 3 ตอนด้วยกัน ได้แก่ วันที่หนึ่ง วันที่สอง และวันที่สาม ซึ่งเป็นจำนวนวันที่งานได้ถูกจัดขึ้น
โดยวิธีการที่ซีรีส์สารคดีชุดนี้ทำคือการพาผู้ชมไปนั่งฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในงานจากปากของผู้ที่เคยประสบเหตุการณ์หรือมีส่วนเกี่ยวข้องในงานครั้งนั้น มีตั้งแต่แฟนเพลงที่เคยไปร่วมงาน พนักงาน ทีมรักษาความปลอดภัย หน่วยแพทย์ ศิลปินที่เคยไปออกคอนเสิร์ต ไปจนถึงผู้ก่อตั้งและบอร์ดบริหารระดับสูงของเทศกาล Woodstock อย่าง Michael Lang และ John Scher
ซึ่งมันทำให้ผู้ชมได้เห็นมุมมองที่หลากหลายภายในงาน รวมถึงที่มาที่ไปของความวินาศสันตะโรในเหตุการณ์ทั้งสามวันที่ค่อยๆ ถูกบิลด์อัพขึ้นมาจากสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในงาน จากทั้งตัวของศิลปินและผู้จัด จนกลายเป็นเรื่องราวที่ยากเกินกว่าจะควบคุมคลื่นฝูงชนที่บ้าคลั่งมากกว่า 200,000 คนได้ ซึ่งทั้งหมดก็มีแต่เรื่องฉาว ทั้งการวางเพลิง จลาจล การข่มขืน คุกคามทางเพศ และขโมยของแบบที่ไม่มีใครแคร์ว่าตัวเองยังมีความถูกผิดหลงเหลืออยู่
ทำให้เทศกาลดนตรี Woodstock 99 เป็นเหมือนที่ปลดปล่อยสันดานดิบของมนุษย์และพวกฮิปปี้ที่สามารถเดินซื้อขาย เมายา และมั่วเซ็กซ์ได้อย่างเสรี โดยไม่มีอะไรมาขวางกั้นหรือควบคุมพวกเขาได้อีกต่อไป อีกทั้งศิลปินและผู้จัดที่ควรจะเป็นคนควบคุมสถานการณ์ให้อยู่กับร่องกับรอยที่ควรจะเป็น กลับหันหลังให้และเอาแต่บอกปัดว่ามันไม่ใช่ความผิดของพวกเขา
ซึ่งการที่ซีรีส์สารคดีพาเราคนดูไปฟังถึงเรื่องราวและมุมมองจากบุคคลที่หลากหลายภายในงาน ก็ยิ่งเป็นสิ่งตอกย้ำถึงความบ้าคลั่งที่เกิดขึ้นภายในงาน รวมไปถึงทัศนคติที่แตกต่างกันสุดขั้วระหว่างผู้บริหารและพนักงาน ที่บางทีทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในงานนั้นก็มีจุดเริ่มต้นง่ายๆ มาจากความมักง่ายและปล่อยปละละเลยของผู้บริหารระดับสูงที่หวังจะเอาแต่ฟันกำไรจากแฟนเพลงเพียงอย่างเดียว จนลืมไปว่าหัวใจสำคัญของเทศกาลคืออะไร
แม้เนื้อหาของเหตุการณ์จะดูตึงเครียด แต่สิ่งหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นเสน่ห์สำคัญของซีรีส์สารคดีชุดนี้ก็คือ ‘การลำดับภาพ’ ที่เรียกได้ว่าบิลด์อัพเรื่องราวได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปและน่าสนใจ เพื่อให้คนที่ไม่รู้จักกับความเป็นมาของเทศกาลได้เข้าใจถึงต้นตอของงานก่อน
แล้วหลังจากนั้นจึงพาผู้ชมไปดูเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในแต่ละวันผ่านการสัมภาษณ์ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานผ่านภาพฟุตเทจการแสดงของศิลปินมากหน้าหลายตา เช่น James Brown, KORN, Limp Bizkit, RATM, Metallica, Megadeth, RHCP, Bush, Jamiroquai, Kid Rock, Creed, Muse, Ice Cube, The Roots, The Offspring และ Vertical Horizon
นอกจากจะพาผู้ชมไปเตรียมตัวและทำความรู้จักก่อนแล้ว สารคดียังพาคนดูไปสำรวจถึงจิตใจของผู้ประสบเหตุในครั้งนี้ด้วย โดยเฉพาะผู้ร่วมงานและศิลปินที่เรียกได้ว่าเป็นคนที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ จากเหตุการณ์วายป่วงที่เกิดขึ้นภายในงาน อีกทั้งศิลปินบางคนและผู้จัดบางรายยังเป็นต้นตอสำคัญที่จุดชนวนให้กับฝูงชนที่ยังคงเมาค้างและไม่อยากกลับบ้านให้ก่อจลาจลในครั้งนี้ด้วย
กล่าวโดยรวม ซีรีส์สารคดี Trainwreck: Woodstock ’99 ชุดนี้จะพาผู้ชมไปดูถึงเรื่องราวความเป็นมาของงานเทศกาล Woodstock และจุดจบที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและเปลวเพลิงจากปากของผู้ประสบเหตุ ทั้งแฟนเพลง ศิลปิน พนักงาน รวมไปถึงผู้จัด ผ่านการลำดับเรื่องราวอย่างมีชั้นเชิงและไม่น่าเบื่อ ทำให้ผู้ชมไม่รู้สึกว่ามันเนือยมากจนเกินไป
เพราะสารคดีเรื่องนี้จะบิวด์อัพอารมณ์ของคนดูอยู่ตลอดเวลาผ่านการลำดับภาพที่ชวนให้ติดตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในงาน อีกทั้งยังแฝงไปด้วยจังหวะตลกต่างๆ ที่คอยเบรกไม่ให้เนื้อหาของสารคดีดูตึงเครียดมากเกินไป
จนเรียกได้ว่า Trainwreck: Woodstock ’99 เป็นซีรีส์สารคดีที่บันทึกความเมาสุดเหวี่ยงของวัยรุ่น Gen X ได้อย่างครบถ้วนทุกอารมณ์ ผ่านงานเทศกาลดนตรีระดับโลกที่เคยได้ชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของ ‘สันติภาพ ความรัก และเสียงดนตรี’ ไปจนถึงสิ่งเหล่านั้นได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นเหตุการณ์ความวินาศสันตะโรที่ทั้งโลกจะต้องจารึกไปตลอดกาล ผ่านปากของผู้ร่วมเหตุการณ์ในมุมมองต่างๆ
ทำให้ซีรีส์สารคดีชุดนี้ไม่เพียงแค่บอกกับคนดูว่าผู้ร่วมงานเท่านั้นที่ ‘บ้า’ แต่ผู้จัดและศิลปินก็ล้วนบ้าเช่นเดียวกัน
