คณะเจรจาการค้าของสหรัฐฯ และจีนเสร็จสิ้นการประชุมที่นครเซี่ยงไฮ้เมื่อวานนี้ (31 ก.ค.) โดยที่สองฝ่ายไม่สามารถทำข้อตกลงยุติสงครามการค้าที่เป็นรูปธรรม แต่คาดว่าสองฝ่ายจะหารือกันต่อ เพื่อสะสางประเด็นขัดแย้งในเดือนกันยายน หลังจีนรับปากว่าจะนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น
New York Times รายงานว่า หัวหน้าคณะเจรจาของสหรัฐฯ ประกอบด้วย สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ และ โรเบิร์ต ไลต์ทิเซอร์ ผู้แทนการค้าระดับสูง ได้เดินออกจากที่ประชุมในนครเซี่ยงไฮ้ โดยที่มีความคืบหน้าไม่มาก
อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ว่า การเจรจาระหว่างสองฝ่ายเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ และหวังว่าจะกลับมาเจรจากันต่อที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในช่วงต้นเดือนกันยายนนี้
ขณะที่สื่อทางการจีนระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ และจีนเจรจาอย่างสร้างสรรค์ ตรงไปตรงมา มีการแลกเปลี่ยนในประเด็นผลประโยชน์ร่วมกันทางเศรษฐกิจและการค้า
สำหรับประเด็นที่มีการพูดคุยกันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นประกอบด้วย ปัญหาการบังคับถ่ายทอดเทคโนโลยี, ทรัพย์สินทางปัญญา, บริการ, มาตรการที่ไม่ใช่ภาษี และการเกษตร โดยฝ่ายจีนยืนยันว่าจะซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น
การประชุมกันระหว่างผู้แทนจีนและสหรัฐฯ ถือเป็นการเจรจาการค้าครั้งแรกนับตั้งแต่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และ ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ตกลงสงบศึกชั่วคราวในที่ประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ที่นครโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
แต่ถึงแม้มีสัญญาณบวกจากการเจรจาระหว่างสองฝ่าย แต่ทรัมป์ได้ทวีตวิจารณ์จีนว่า พยายามประวิงเวลา เพื่อรอดูผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2020 เพราะหากผู้สมัครจากเดโมแครตชนะเลือกตั้ง ก็มีโอกาสที่จีนจะกลับมาทำข้อตกลงแบบเดิมๆ ซึ่งทรัมป์มองว่าจีนได้เปรียบ ขณะที่สหรัฐฯ เสียเปรียบ นอกจากนี้ทรัมป์ยังตำหนิจีนว่า ไม่ทำตามคำมั่นสัญญาในการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
