เกิดอะไรขึ้น:
บมจ.ทีคิวเอ็ม อัลฟา (TQM) ใน 3Q67 ได้เข้าซื้อหุ้น 19.43% ในบริษัท มายกรุ๊ป อินเทลลิเจ้นท์ จำกัด (มายกรุ๊ป) คิดเป็นมูลค่า 300 ล้านบาท ซึ่งมายกรุ๊ปดำเนินธุรกิจจุดให้บริการขนส่งมากกว่า 6,600 จุด ในฐานะเจ้าของแบรนด์ Mysave และ Shippop การลงทุนครั้งนี้จะทำให้ TQM มีช่องทางเข้าถึงลูกค้าเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ TQM ยังได้เข้าซื้อหุ้น 25% ในบริษัท เงินเรื่องจิ๊บ จำกัด (JIPJIP Money) ซึ่งเป็นแบรนด์ชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญด้านการให้บริการฝากขายสินค้าลักชัวรี เช่น กระเป๋า นาฬิกา และเครื่องประดับระดับไฮเอนด์
สำหรับปี 2567 TQM คาดว่ามายกรุ๊ปจะมีกำไร ~70 ล้านบาท (เทียบกับ 38 ล้านบาท ในปี 2566) และ JIPJIP Money จะมีกำไร ~20 ล้านบาท (เทียบกับ 1 ล้านบาท ในปี 2566)
InnovestX Research ปรับประมาณการส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้นจาก 7 ล้านบาท เป็น 15 ล้านบาท สำหรับปี 2567 และจาก 10 ล้านบาท เป็น 30 ล้านบาท สำหรับปี 2568
และปรับประมาณการการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการของ TQM ในปี 2567 ลดลงเล็กน้อยจาก 9% เป็น 8% (เทียบกับเพิ่มขึ้น 7%YoY ใน 1H67) ซึ่งยังคงสอดคล้องกับเป้าของ TQM ที่ 5-10% โดยคาดว่ารายได้ค่าธรรมเนียมและบริการจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัว QoQ ใน 3Q67 และเพิ่มขึ้น QoQ ตามฤดูกาลใน 4Q67
สำหรับปี 2568 คาดว่าการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการจะลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 7% โดยมีสาเหตุมาจากฐานที่ใหญ่ขึ้น และเบี้ยประกันภัยต่ออายุกรมธรรม์รถยนต์ (ผลิตภัณฑ์หลักของ TQM) ที่เติบโตช้าลง หลังจากคาดว่ายอดขายรถยนต์ในประเทศจะลดลง 20% ในปี 2567
ส่วนอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ของ TQM คาดว่าจะลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปจาก 70.51% ในปี 2566 สู่ 70.44% ในปี 2567 และ 69.68% ในปี 2568 อันเป็นผลมาจากการประหยัดต่อขนาด หลังจากรับพนักงานเพิ่มราว 400 คนใน 1Q66
ด้านธุรกิจสินเชื่อจะสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ยอดปล่อยสินเชื่อของ Easy Lending (บริษัทย่อย) เพิ่มขึ้น 32%YTD สู่ 1.4 พันล้านบาท ณ 2Q67
โดยประกอบด้วยสินเชื่อเบี้ยประกัน 70% สินเชื่อที่มีหลักประกัน 27% และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ 3% โดยคาดการณ์การเติบโตของสินเชื่อที่ 150% ในปี 2567 และ 75% ในปี 2568 ดังนั้นจึงคาดว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิจะเติบโต 203% สู่ 33 ล้านบาท ในปี 2567 และเติบโต 99% สู่ 66 ล้านบาท ในปี 2568
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น TQM ไม่เปลี่ยนแปลง อยู่ที่ระดับ 27.00 บาท ขณะที่ SET Index ปรับขึ้น 10.2% สู่ระดับ 1404.28 จุด
แนวโน้มกำไร 2H67 และปี 2568:
สำหรับ 2H67 คาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้น HoH และ YoY โดยได้รับปัจจัยหนุนจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการที่เติบโตในระดับปานกลาง YoY รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจสินเชื่อ และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่เพิ่มขึ้น อันเป็นผลมาจากการซื้อกิจการใหม่ 2 บริษัท และคาดว่ากำไรจะเติบโตในอัตราที่เร่งตัวขึ้นจาก 1% ในปี 2566 สู่ 6% ในปี 2567 และ 12% ในปี 2568
InnovestX Research ยังคงคำแนะนำ Neutral สำหรับ TQM และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 28 บาท (อ้างอิง P/BV 5.1 เท่า หรือ P/E 17.4 เท่า สำหรับปี 2568)
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการอาจจะได้รับผลกระทบจากยอดขายรถยนต์ที่ชะลอตัวลงและการแข่งขันที่สูงขึ้น และความเสี่ยง ESG จากการให้บริการลูกค้าอย่างเป็นธรรม (Market Conduct)