เกิดอะไรขึ้น:
วานนี้ (16 มิถุนายน) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบหลักการมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ 3 แพ็กเกจ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ถึง 31 ตุลาคม 2563 งบประมาณรวม 2.24 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย
- ‘เราไปเที่ยวกัน’ โดยรัฐบาลจะสนับสนุนค่าที่พักโรงแรมในอัตรา 40% ของราคาห้องต่อคืน แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคืน สูงสุดไม่เกิน 5 คืนต่อสิทธิ์ นอกจากนี้ประชาชนจะได้รับสิทธิพิเศษเมื่อจองห้องพักจำนวน 600 บาทต่อคืน เพื่อสนับสนุนค่าอาหารและค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยว คาดการณ์งบประมาณที่ใช้ 1.8 หมื่นล้านบาท
- ‘เที่ยวปันสุข’ รัฐบาลจะสนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบินและรถโดยสารในอัตรา 40% แต่ไม่เกิน 1,000 บาทต่อคน คาดการณ์งบประมาณที่ใช้ 2 พันล้านบาท
- ‘กำลังใจ’ รัฐบาลจะสนับสนุนค่าเดินทางของอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โดยใช้บริการจากบริษัทนำเที่ยวไม่เกิน 2,000 บาทต่อคน คาดการณ์งบประมาณที่ใช้ 2.4 พันล้านบาท
กระทบอย่างไร:
วานนี้ราคาหุ้นกลุ่มโรงแรมปรับขึ้น 2%DoD สูงกว่า SET Index ที่ปรับขึ้น 1.87% ขณะที่วันนี้ (17 มิถุนายน) ราคาหุ้นกลุ่มโรงแรมยังปรับตัวขึ้นต่อ 2.39%DoD แข็งแกร่งกว่า SET Index ที่ปรับขึ้นเพียง 0.66%DoD นำโดย
– ราคาหุ้น บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) เพิ่มขึ้น 5.48%DoD สู่ระดับ 23.10 บาท
– ราคาหุ้น บมจ. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) เพิ่มขึ้น 3.98%DoD สู่ระดับ 4.18 บาท
– ราคาหุ้น บมจ. โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) เพิ่มขึ้น 1.96%DoD สู่ระดับ 26.00 บาท
– ราคาหุ้น บมจ. แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC) เพิ่มขึ้น 1.31%DoD สู่ระดับ 4.64 บาท
มุมมองระยะสั้น:
SCBS มองว่า มาตรการนี้จะช่วยบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ที่มีต่อการดำเนินธุรกิจของหุ้นกลุ่มโรงแรม โดยคาดว่า ERW จะได้ประโยชน์มากที่สุด เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้จากลูกค้าชาวไทย 18% ต่อรายได้รวม ตามด้วย CENTEL มีสัดส่วนรายได้จากลูกค้าชาวไทย 6%, AWC มีสัดส่วนรายได้จากลูกค้าชาวไทย 2% และ MINT มีสัดส่วนรายได้จากลูกค้าชาวไทย 1%
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/63 ของหุ้นกลุ่มโรงแรม SCBS คาดว่าจะหดตัวลงอย่างรุนแรง และเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่มีการล็อกดาวน์เข้มงวดมากที่สุด ตลอดจนสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้ออกคำสั่งห้ามเที่ยวบินพาณิชย์เดินทางเข้า-ออกไทย แต่อย่างไรก็ดี SCBS เชื่อว่า ราคาหุ้นได้สะท้อนทิศทางผลประกอบการที่อ่อนแอในไตรมาส 2/63 แล้ว
มุมมองระยะยาว:
ในระยะถัดไปต้องติดตามการผ่อนปรนมาตรการจำกัดการเดินทางจากประเทศในรูปแบบ Travel Bubble ผ่านการทำข้อตกลงระหว่างประเทศ ที่สามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้ และมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ดีกับไทย โดยจะอนุญาตให้กลุ่มนักธุรกิจและกลุ่มที่เข้ามารับบริการตรวจรักษาทางการแพทย์ในการเดินทางเข้ามาเป็นกลุ่มแรก เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวสามารถติดตามตัวได้ ทั้งนี้ Travel Bubble ยังไม่มีกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามต่อไป
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
