ย้อนหลังกลับไปเมื่อราว 2 สัปดาห์ก่อน ผมแอบตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยครับเมื่อได้เห็นภาพของสนามแข่งแห่งใหม่ของทีม ‘ไก่เดือยทอง’ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ที่ถูกทดลองใช้ในเกมระดับเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี นัดที่พวกเขารับมือเซาแธมป์ตัน
ด้วยความที่ไม่ทันได้ใส่ใจมาก่อน ต้องยอมรับว่าเมื่อได้เห็นภาพถ่ายของสนามแห่งใหม่ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ของสนามไวต์ฮาร์ตเลนเดิมนี้สร้างความประทับใจได้อย่างมากครับ และคิดว่าไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่รู้สึกเช่นนั้น เพราะ #Spursnewstadium วันนั้นเป็นเทรนด์ในโซเชียลมีเดียเลยทีเดียว
บรรยากาศในวันนั้นว่าสวยงามแล้ว (ไก่น้อยชนะไป 3-1) ก็ไม่เท่ากับภาพการลงสนามของเหล่าตำนานลูกหนังที่เคยโลดแล่นในถิ่นไวต์ฮาร์ตเลนที่ได้กลับมาวาดลวดลายอีกครั้งในเกมนัดพิเศษระหว่างตำนานของสเปอร์สกับตำนานของทีมอินเตอร์ มิลาน
วันนั้นเราได้เห็น เจอร์เกน คลินส์มันน์, ดาวิด ชิโนลา, ร็อบบี้ คีน และอีกมากมายที่ได้กลับมาสวมเสื้อสีขาวของสเปอร์สอีกครั้ง ต่างกันที่คราวนี้พวกเขาได้ลงเล่นในสนามแห่งใหม่ ไม่ใช่เดอะเลนเหมือนเก่า
คนที่น่าจะทำให้แฟนบอลจำนวนไม่น้อยต้องปาดน้ำตาคือ พอล แกสคอยน์ อดีตมิดฟิลด์อัจฉริยะที่เป็นสายเลือดของสโมสรที่มีโชคชะตาที่อาภัพมากที่สุดคนหนึ่ง วันนั้น ‘แกซซา’ ได้กลับมาลงสนามในสถานที่ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยใช้จ่ายวันเวลาและความฝันอีกครั้งท่ามกลางเสียงปรบมือกึกก้องของแฟนๆ ที่ยังรักและคิดถึง ‘บุตรชายผู้หลงทาง’ คนนี้เหมือนเดิมเสมอ
อย่างไรก็ดี ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงแค่การ ‘โหมโรง’ ครับ เพราะก้าวใหม่และเป็นการก้าวที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสเปอร์สเพิ่งเริ่มต้นขึ้นในเกมพรีเมียร์ลีกนัดกลางสัปดาห์ ในการรับมือคริสตัล พาเลซ คู่ปรับร่วมเมืองลอนดอน
มันเป็นก้าวที่ เมาริซิโอ โปเชตติโน นายใหญ่ชาวอาร์เจนไตน์บอกกับทุกคนว่า “วันนี้สเปอร์สได้สัมผัสกับเกียรติยศแล้ว”
เกียรติยศที่โปเชตติโนกล่าวไม่ใช่ชัยชนะ 2-0 เหนือคู่แข่งอย่างพาเลซ ที่เป็นการกลับมาชนะครั้งแรกในรอบ 6 นัดในพรีเมียร์ลีกของพวกเขา
เช่นกันกับที่ไม่ใช่มูลค่าในการลงทุนก่อสร้างสนามใหม่ที่บานปลายจาก 400 ล้านปอนด์สู่ร่วม 1,000 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นผลจากความล่าช้าในโครงการการก่อสร้างที่ใช้ระยะเวลาเกือบ 2 ฤดูกาล (แต่นั่นก็นับว่าเร็วแล้วเมื่อเทียบกับขนาดของโครงการที่เข้าขั้นเมกะโปรเจกต์)
และแน่นอนว่าเกียรติยศนั้นไม่ใช่ความจุของสนามขนาด 62,062 ที่นั่ง
หากแต่เป็นความกล้าหาญของพวกเขาที่ตัดสินใจจะก้าวเดินทางสู่อาณาเขตใหม่ที่ใหญ่กว่า สูงกว่า ไปยากกว่า และต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมาก
ปฏิเสธไม่ได้ครับว่าการตัดสินใจสร้างสนามใหม่นั้นได้ส่งผลกระทบต่อทีมในปัจจุบันไม่น้อย กับทีมชุดที่แข็งแกร่ง เต็มไปด้วยนักฟุตบอลรุ่นใหม่ที่เปี่ยมไปด้วยพลังของความหวัง และน่าจะเป็นสเปอร์สชุดที่ดีที่สุดในรอบหลายทศวรรษ
การต้องก้าวออกจากไวต์ฮาร์ตเลน บ้านหลังเก่าที่เหลือเพียงความทรงจำไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่าย แต่พวกเขาก็ตัดสินใจทำ
การต้องลงทุนจำนวนมากมายมหาศาลจนทำให้สโมสรต้องเข้าสู่ภาวะของการ ‘รัดเข็มขัด’ โดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และทำให้พวกเขาไม่สามารถซื้อนักฟุตบอลเข้ามาเสริมทัพได้เลยแม้แต่คนเดียวใน 2 รอบตลาดการซื้อขายที่ผ่านมาไม่ใช่เรื่องที่จะยอมรับได้ง่าย แต่พวกเขาก็ตัดสินใจทำ
มาถึงวันนี้พวกเขาตัดสินใจที่จะย้ายเข้าบ้านใหม่ในทันที หลังจากที่ล่าช้ากว่ากำหนดมาเกือบทั้งฤดูกาล จากเดิมที่คาดว่าจะเสร็จตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน ซึ่งก็มีการพูดกันว่าเป็นการตัดสินใจที่รีบร้อนเกินไปหรือไม่ ควรจะใช้งานสนามเวมบลีย์ต่อไปจนจบฤดูกาลก่อนไหม ทุกอย่างโอเคแล้วแน่หรือ
แต่สเปอร์สก็ตัดสินใจที่จะทิ้ง ‘บ้านเช่า’ แม้ว่าจะเป็นสนามที่ยิ่งใหญ่อย่างเวมบลีย์ทันทีที่บ้านของพวกเขาเสร็จ
เพราะหัวใจของชาว COYS รู้ดีว่าบ้านของพวกเขาอยู่ที่ไหน
ความสวยงามของสนามนั้นเป็นเรื่องหนึ่งครับ แต่สิ่งที่ทำให้สนามแห่งนี้สวยงามมากขึ้นไปอีกคือ ‘บรรยากาศ’ ที่ยอดเยี่ยม เป็นสนามฟุตบอลที่ต่อให้ไม่ใช่แฟนสเปอร์สก็ควรค่าที่จะมาเยี่ยมเยียนสักการะกันสักครั้ง ไม่ต่างอะไรจากอลิอันซ์ อารีนา, คัมป์ นู, ซานติอาโก เบอร์นาบิว, เซลติกพาร์ก หรือมาราคานา
การออกแบบสนามแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการออกแบบเพื่อความสวยงามในเชิงสถาปัตยกรรม และไม่ได้คิดคำนึงถึงเพียงเรื่องของการใช้งานที่อเนกประสงค์ ซึ่งรวมถึงพื้นสนามที่สามารถเลื่อนเข้าออกเพื่อสลับการใช้งานระหว่างสนามฟุตบอลกับสนามอเมริกันฟุตบอล
พวกเขาสร้างมันด้วยหัวใจของคนรักฟุตบอล เพื่อให้เป็นสนามฟุตบอลที่มีบรรยากาศที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้สนามแห่งใดในโลก
และเหล่าแฟนสเปอร์สก็คือผู้ที่ร่วมรังสรรค์บรรยากาศของเกมลูกหนังที่น่าตื่นตาตื่นใจไม่ต่างอะไรจากพ่อมดวิเศษมิกกี้เมาส์ที่สวมบทวาทยากรใช้คทาวิเศษร่ายมนต์ผ่านเครื่องดนตรีในภาพยนตร์แอนิเมชัน Fantasia
อย่างไรก็ดี สนามแห่งนี้ไม่ใช่ ‘ปลายทาง’ ที่พวกเขาควรพึงพอใจครับ
อย่างที่บอก มันเป็นเพียงแค่ก้าวแรกของการเริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่ และความท้าทายที่ยิ่งใหญ่นั้นรอคอยอยู่ข้างหน้า
ความท้าทายของการก้าวไปสู่การเป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่ในคำจำกัดความง่ายๆ ที่โปเชตติโนเรียกว่า Big Club
การจะเป็น Big Club นั้นไม่ได้หมายถึงการที่มีสนามใหม่ที่ยิ่งใหญ่และสวยงาม
แต่มันคือ ‘ตัวตน’ ที่จะต้องสะท้อนออกมาจากทุกอณูของสโมสร นักฟุตบอล ผู้จัดการทีม สตาฟฟ์ เจ้าหน้าที่ หน่วยงานทุกหน่วย
รวมถึงแฟนบอลด้วย!
หากสเปอร์สต้องการจะก้าวไปยืนอยู่ในระดับเดียวกับที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล หรือแม้แต่เชลซีและแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำได้ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา พวกเขาต้องปรับตัวครั้งใหญ่
ผมชอบคำพูดของโปเชตติโนที่บอกให้สเปอร์สต้องรู้จักคิดให้ใหญ่ ต้องทำตัวให้เหมือนสโมสรใหญ่ และจะต้องพยายามที่จะเป็นทีมที่มีศักยภาพที่จะแข่งขันในความสำเร็จครั้งใหญ่
พูดง่ายๆ คือจะมาเหนียมอายเหมือนเก่าไม่ได้ คิดจะใหญ่ใจต้องได้ด้วย
แม้จะไม่ใช่แฟนสเปอร์ส แต่เห็นแก่ความดีของ ‘พี่ตูน บอดี้สแลม’ (ซึ่งทราบว่าก็ไปชมบ้านหลังใหม่มาแล้วด้วย!) และเห็นแก่ความตั้งใจที่จะเป็นสโมสรฟุตบอลที่เป็นแบบอย่างที่ดี
หวังว่าบ้านหลังใหม่นี้จะนำพาความสำเร็จมาสู่สเปอร์สในอนาคต
ส่วนปีนี้ฝากช่วยหยุดแมนฯ ซิตี้นัดหนึ่งนะ…
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
- สนามแห่งใหม่นี้ใช้ชื่อว่า ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ สเตเดียม ซึ่งจะเป็นชื่อชั่วคราวในระหว่างที่รอว่าจะมีสปอนเซอร์รายใดซื้อสิทธิ์ในการใช้ชื่อสนามหรือไม่
- บ้านหลังใหม่ของสเปอร์สเป็นสนามฟุตบอลแห่งแรกในอังกฤษที่เป็น Cashless Stadium ไม่รับเงินสด จะจ่ายค่าอะไรก็ต้องใช้ผ่านบัตรของสนามเท่านั้น (ผูกกับบัตรเครดิต)
- เพื่อสร้างบรรยากาศการเชียร์ที่สุดยอด สเปอร์สขอยืมแรงบันดาลใจจากอัฒจันทร์ ‘Yellow Wall’ หรือกำแพงเหลือง ในสนามซิกนัล อิดูนา พาร์ก ของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในการสร้างอัฒจันทร์กองเชียร์ฝั่งเหย้าความจุ 17,500 คน ซึ่งออกแบบเป็นพิเศษที่จะทำให้เสียงเชียร์จากฝั่งนี้ดังกระหึ่มไปทั่วสนาม
- ทีเด็ดที่คนชื่นชอบมากในสนามแห่งใหม่นี้คือ ‘เบียร์’ โดยสนามแห่งนี้มีหัวจ่ายเบียร์ระบบล้ำสมัย ไม่ต้องใช้เป็นทาวเวอร์ แต่เป็นระบบ Bottom-up ที่แค่วางแก้วลงไป เบียร์ก็จะไหลขึ้นมาเหมือนน้ำพุอย่างน่าอัศจรรย์ โดยสามารถรินเบียร์ได้ถึง 10,000 ไพน์ใน 1 นาที