×

TOP – พรีวิว 3Q67 คาดขาดทุนสต็อกกดดันผลประกอบการ

18.10.2024
  • LOADING...
TOP

เกิดอะไรขึ้น:

InnovestX Research จัดทำพรีวิวผลประกอบการ 3Q67 ของ บมจ.ไทยออยล์ (TOP) โดยประเมินว่า Market GIM ของ TOP จะลดลง 60%YoY และ 5.3%QoQ สู่ 5.4 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยมีสาเหตุมาจากค่าการกลั่นที่อ่อนแอ ปัจจัยลบคือ Crack Spread ที่ลดลงของน้ำมันเบนซิน (ลดลง 15%QoQ) และน้ำมันดีเซล (ลดลง 8%QoQ) 

 

นอกจากนี้ คาดว่า GIM จากธุรกิจอะโรเมติกส์และธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานรวมกันจะลดลง 5%QoQ มาอยู่ที่ 1.8 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แม้ว่า GIM จากธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานจะเพิ่มขึ้น QoQ จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันพื้นฐานที่สูงขึ้น (เพิ่มขึ้น 9%QoQ) นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ถึงขาดทุนสินค้าคงเหลือที่ 7.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (รวมมูลค่าสุทธิที่จะได้รับของสินค้าคงเหลือน้ำมันจำนวน 2 พันล้านบาท) 

 

แม้ Market GRM อยู่ในระดับต่ำ แต่คาดว่าปริมาณน้ำมันดิบที่นำเข้ากลั่นทั้งหมดของ TOP จะเพิ่มขึ้น 1%QoQ สู่ 314,000 บาร์เรลต่อวัน สูงที่สุดนับตั้งแต่ 2Q56 ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราการใช้กำลังการกลั่นที่สูงขึ้นเป็น 113% จาก 111% ใน 2Q67 เพื่อให้ต้นทุนต่อหน่วยยังอยู่ในระดับต่ำท่ามกลาง Market GRM ที่อ่อนแอ

 

ใน 3Q67 TOP สามารถบริหารจัดการกระบวนการขนถ่ายน้ำมันดิบได้ แม้ว่า SBM-2 ยังคงปิดใช้งานอยู่ อย่างไรก็ตาม คาดว่าต้นทุนการดำเนินงานต่อหน่วยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยสู่ 1.9 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เทียบกับ 1.6 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลใน 2Q67 เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงที่หน่วยเพิ่มคุณค่าผลิตภัณฑ์ (Upgrading Unit)   

 

กระทบอย่างไร:

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น TOP ปรับลง 5.37% อยู่ที่ 48.50 บาท ขณะที่ SET Index ปรับขึ้น 4.26% อยู่ที่ 1,485.01 จุด

 

แนวโน้มผลประกอบการปี 2567-2568:

InnovestX Research คาดว่ากำไรปกติจะปรับตัวดีขึ้น QoQ ใน 4Q67 โดยได้รับปัจจัยหนุนจากอุปสงค์ผลิตภัณฑ์ Middle Distillates (> 55% ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด) ตามฤดูกาล แม้ว่า Singapore GRM โดยเฉลี่ยจะลดลง YoY อย่างต่อเนื่องใน 4Q67 จากระดับ 5.47 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลใน 4Q66 ทั้งนี้ สต็อก Gasoil ทั่วโลกยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี 

 

ในขณะที่โรงกลั่นลดอัตราการใช้กำลังการกลั่นลงอย่างต่อเนื่องใน 3Q67 ซึ่งเป็นผลมาจาก Market GRM ที่อ่อนแอ นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ถึงผลกระทบที่ลดน้อยลงจากโควตาส่งออกชุดที่ 3 ของจีนที่มีจำนวนเพียง 8 ล้านตัน หรือเพียง 20% ของโควตาส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมันสะอาดทั้งหมดในปี 2567 เทียบกับ 80% ที่จัดสรรใน 9M67

 

ทั้งนี้ Market GRM ที่น่าผิดหวังและแนวโน้มที่จะขาดทุนสต็อกใน 3Q67 ทำให้ปรับประมาณการกำไรปี 2567 ของ TOP ลดลง 34% สู่ 1.24 หมื่นล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึง Market GIM ที่ลดลง 24% สู่ 9.4 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งจะได้รับการชดเชยเล็กน้อยจากอัตราการใช้กำลังการกลั่นที่เพิ่มขึ้นจาก 105% เป็น 110% 

 

นอกจากนี้ ยังปรับราคาเป้าหมายลดลงจาก 77 บาท สู่ 71 บาทต่อหุ้น โดยอิงกับ P/BV 1 เท่า (ปี 2568) หรือค่าเฉลี่ย 5 ปี ซึ่งคิดเป็น EV/EBITDA ที่ 7.9 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยของหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดภูมิภาคที่ 8.4 เท่า ปัจจุบันหุ้น TOP ซื้อขายที่ P/BV 0.6 เท่า หรือ -1.9SD ซึ่งสูงกว่าระดับ 0.5 เท่าในปีที่เกิดสถานการณ์โควิดอยู่เล็กน้อย  ซึ่งยังคงคำแนะนำ Outperform สำหรับ TOP โดยแนะนำให้ทยอยเข้าซื้อสะสมหลังจากประกาศผลประกอบการ 3Q67 (คาดประกาศวันที่ 8 พฤศจิกายน)

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ ราคาน้ำมันและ GRM ผันผวน ราคาน้ำมันที่ลดลงจะทำให้เกิดขาดทุนสินค้าคงเหลือ และอุปสงค์ผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ที่ลดลง ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ คือ การเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ปัจจัยเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญคือ ผลกระทบของธุรกิจต่อสิ่งแวดล้อม และการปรับตัวในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X