วานนี้ (20 มิถุนายน) ศ.พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ในฐานะประธานกรรมการ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด เปิดใจผ่านรายการ THE STANDARD NOW โดยเริ่มต้นกล่าวถึงการพูดคุยครั้งแรกกับ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ว่ามีการคุยกันตั้งแต่ประมาณเดือนธันวาคม 2564 โดยตนเองก็ใช้เฟซบุ๊กในการโพสต์ข้อความต่างๆ ทั้งวัฒนธรรม การใช้ชีวิต และบาทวิถีของคนกรุงเทพฯ ต่อมาชัชชาติติดต่อมา ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสที่จะได้พูดเรื่องทางเท้ากรุงเทพฯ เพราะตอนนั้นก็พอทราบว่าชัชชาติจะลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
ศ.พิเศษ ธงทอง ยังได้พูดกับชัชชาติถึงลานคนเมืองที่รู้สึกว่าแห้งแล้ง ไร้ชีวิตชีวา และอาคารศาลาว่าการ กทม. ที่เสาชิงช้าและดินแดง กลายเป็นเมืองอกแตก และคุยกันว่าทำอย่างไรจะให้ลานคนเมืองดูมีชีวิตชีวาสมชื่อ โดยในเวลานั้นก็ได้พูดคุยกับชัชชาติประมาณครึ่งชั่วโมง ก่อนกลับบ้านชัชชาติกล่าวว่า หากได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม. มีความเป็นห่วงเรื่องบริษัทกรุงเทพธนาคม
“ผมก็รู้จักบริษัทกรุงเทพธนาคมจากข่าวสารทั้งหลายอยู่พอสมควร ผมบอกว่ามันก็เรื่องใหญ่นะครับอาจารย์ (ชัชชาติ) ไว้อาจารย์ (ชัชชาติ) ได้เลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ จริงๆ แล้ว อาจารย์ (ชัชชาติ) ก็กรุณามาพูดคุยกับผมก็แล้วกัน นั่นคือหนแรกที่ผมได้คุยกับอาจารย์ชัชชาติ” ศ.พิเศษ ธงทอง กล่าว
ศ.พิเศษ ธงทอง กล่าวต่ออีกว่า เมื่อถึงช่วงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ตนเองก็เลือกชัชชาติเป็นผู้ว่าฯ พร้อมกับระหว่างนั้นก็ทำการบ้าน หาข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับบริษัทกรุงเทพธนาคม แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดก็หาข้อมูลได้ไม่ง่ายนัก เพราะข้อมูลที่อยู่ในสาธารณะมีปริมาณและความลึกค่อนข้างจำกัด เอาแค่สัญญา (รถไฟฟ้าสายสีเขียว) ที่พูดกัน ซึ่งเป็นกุญแจดอกสำคัญ ก็ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อนว่าหน้าตามันเป็นอย่างไร มีแต่พูดกันว่าอย่างโน้นอย่างนี้ จึงศึกษาเท่าที่พอมีข้อมูล
“พอ กกต. รับรองผลการเลือกตั้ง สัก 2-3 วัน ผมนึกว่ารอดตัวแล้ว อาจารย์ (ชัชชาติ) ก็ไปทำโน่นทำนี่ ตั้งรองผู้ว่าฯ เสร็จสรรพแล้ว ผมกำลังมีความสุขของผมอยู่ทีเดียว อาจารย์ชัชชาติก็โทรมา เบอร์โทรศัพท์ผมก็เมมชื่อไว้แล้ว ก็ยินดีกัน เพราะยังไม่ได้ยินดี ชัชชาติบอกว่า เรื่องบริษัทกรุงเทพธนาคมครับ เชิญอาจารย์จริงๆ แล้วครับ ช่วยมาเป็นประธานที” ศ.พิเศษ ธงทอง กล่าว
ศ.พิเศษ ธงทอง บอกกับชัชชาติว่าได้ไปทำข้อมูลมาแล้ว เรื่องค่อนข้างยุ่งและไม่ง่ายนัก แต่ชัชชาติยืนยันว่า มั่นใจว่า ศ.พิเศษ ธงทอง ทำได้ ตนเองเมื่อได้รับการเชื่อมั่นและมีโอกาสตรงนี้ จึงตอบรับและสอบถามเรื่องทีม ซึ่งชัชชาติตอบว่าต้องช่วยกันหา
ต่อมา ต่อศักดิ์ โชติมงคล ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม. ก็ติดต่อมา และมาพูดคุยถึงกรรมการและทีมงานต่างๆ เพราะอย่างที่บอกไปว่างานตรงนี้ไม่ง่าย จึงต้องมีความหลากลายของกรรมการ โดยตนเองก็ได้ตกลงทั้งกับต่อศักดิ์และชัชชาติเรื่องการนำเสนอและชักชวนผู้ที่จะมาเป็นกรรมการว่าต้องเห็นชอบตามที่ตนเสนอ มิเช่นนั้นก็จะเสียผู้ใหญ่กัน
ศ.พิเศษ ธงทอง กล่าวต่อไปว่า งานของบริษัทกรุงเทพธนาคมนั้น นอกจากเรื่องกฎหมายแล้วยังมีเรื่องของวิศวะ ทั้งเรื่องรถไฟฟ้า เรื่องโรงขยะต่างๆ เพราะฉะนั้นจำเป็นต้องมีบุคลากรหรือกรรมการที่เข้าใจเรื่องนี้ และอีกสายหนึ่งคือเรื่องธุรกิจและเรื่องการเงิน
สำหรับบริษัทกรุงเทพธนาคมถือเป็นมือเป็นไม้และเป็นข้อต่อของ กทม. ที่จะรับนโยบาย รับการมอบหมาย และการบ้านจาก กทม. เชื่อมต่อไปหาคู่สัญญาและผู้ที่ทำงาน หรือบางเรื่องเป็นการจ้างงานจาก กทม. แล้วบริษัทกรุงเทพธนาคมก็ไปบริหารจัดการอาจใช้วิธีจ้างต่ออีกทอดหนึ่ง ดังนั้นเรื่องประสิทธิภาพ ความคุ้มค่า การบริหารจัดการ รวมทั้งข้อจำกัด ข้อได้เปรียบ และเสียเปรียบ ทางวิศวกรรมต่างๆ ก็ต้องมาดูร่วมกัน
ศ.พิเศษ ธงทอง ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการพูดถึงว่า บริษัทกรุงเทพธนาคมเหมือนแดนสนธยาว่า “ผมมีความเข้าใจตรงกันกับกรรมการทุกท่านและผู้ว่าฯ ชัชชาติ ว่างานสาธารณะอย่างนี้ไม่มีอะไรต้องปิดบังอำพราง การยืนอยู่ที่โล่งแจ้ง มีลมพัดสบายใจ มันทำให้ทุกคนมีความสุข มากกว่าการอยู่ในถ้ำ ในที่มืด แล้วคุยกันคนสองคน ผมคิดว่าการทำงานในคราวนี้เราก็ตั้งใจที่จะให้มีกระบวนการธรรมาภิบาล มีเรื่องการมีส่วนร่วมและการรับฟังที่หลากหลาย”
ส่วนลำดับความสำคัญในการทำงานในฐานะประธานบอร์ดของบริษัทกรุงเทพธนาคม ศ.พิเศษ ธงทอง กล่าวว่า ก็คงจะดูเรื่องสัญญารถไฟฟ้าก่อน เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ เลยมอบหมายในทีมเลขานุการจัดทำเอกสารต่างๆ โดยใช้เวลาอ่านข้อมูลประมาณหนึ่งสัปดาห์ แล้วจึงจะกลับมาพูดคุยอีกครั้งในวันอังคารที่ 30 มิถุนายนนี้
