เกิดอะไรขึ้น:
บมจ. ไทยประกันชีวิต (TLI) บริษัทประกันชีวิตชั้นนำของประเทศไทย ที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดเป็นอันดับ 2 ที่ประมาณ 15% เมื่อพิจารณาจากเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งหมดในปี 2562-2564 นอกจากนี้ TLI ยังมีช่องทางตัวแทนประกันที่มีประสิทธิภาพ ดังเห็นได้จากการมีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในช่องทางตัวแทนประกัน โดยตัวแทนประกันของบริษัทคิดเป็นจำนวนมากกว่า 25% ของจำนวนตัวแทนประกันทั้งหมดในประเทศไทย
SCBS คาดว่าเบี้ยประกันภัยรับใหม่จะฟื้นตัวกลับมาเติบโตเฉลี่ย 15% ต่อปีในปี 2565-2567 (เทียบกับการเติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 32%YoY ใน 1H65) โดยได้รับการสนับสนุนจาก
- การกลับมาดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจหลังจากมีการยกเลิกข้อจำกัดเกี่ยวกับการควบคุมการระบาดของโควิด
- การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
- ความต้องการทำประกันสุขภาพที่เพิ่มขึ้นหลังจากเกิดการระบาดของโควิด
- ความต้องการทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อที่ฟื้นตัวดีขึ้น เพราะธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น
- การก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย
และคาดว่าเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งหมดของ TLI จะเติบโต 1% ในปี 2565 (เทียบกับ 1.5%YoY ใน 1H65) 3% ในปี 2566 และ 4% ในปี 2567
ส่วนการเน้นขายผลิตภัณฑ์ที่ให้อัตรากำไรสูง (เช่น ประกันสุขภาพ) เพิ่มมากขึ้น ช่วยหนุนให้อัตรากำไรของธุรกิจใหม่ (VNB Margin) ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งจากการคำนวณ VNB Margin ของ TLI เพิ่มขึ้นจาก 51% ในปี 2564 สู่ 54% ใน 1H65
โดย SCBS คาดว่า VNB Margin จะเพิ่มขึ้นสู่ 52% ในปี 2565-2567 และคาดว่าความสามารถในการทำกำไรจากการรับประกันจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยในปี 2566-2567 หลังจาก VNB Margin เพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 2564-2565 และการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิดลดลง
ขณะที่มอง ROI (อัตราผลตอบแทนจากเงินลงทุน) จะยั่งยืน เพราะอัตราผลตอบแทนจากเงินลงทุนทำจุดต่ำสุดไปแล้ว โดย TLI จะได้รับประโยชน์จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้น อัตราผลตอบแทนจากการนำเงินไปลงทุนต่อ ในขณะนี้ใกล้เคียงกับอัตราผลตอบแทนจากเงินลงทุนในพันธบัตรที่กำลังจะครบกำหนดไถ่ถอน
ซึ่ง SCBS คาดว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินลงทุนจะอยู่ในระดับทรงตัวที่ 3.5% ในปี 2565 จากนั้นจะเพิ่มขึ้นสู่ 3.55% ในปี 2566 และ 3.6% ในปี 2567 และคาดว่า ROI จะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัวในปี 2565-2567 โดยใช้สมมติฐานกำไรจากเงินลงทุนในระดับทรงตัวที่ 2.7 พันล้านบาท
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น TLI ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.95%MoM สู่ระดับ 15.80 บาท ขณะที่ SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.03%MoM สู่ระดับ 1,624.18 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2565:
SCBS คาดว่ากำไร 2H65 จะเพิ่มขึ้นมากถึง 74%YoY จากเบี้ยประกันภัยรับและรายได้จากการลงทุนเพิ่มขึ้น แต่จะลดลง 26%HoH เนื่องจากกำไรจากเงินลงทุนลดลง และคาดว่ากำไรจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 20% ในปี 2565 (ไม่มีการรับรู้ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเหมือนในปีก่อนและรายได้จากการลงทุนเพิ่มขึ้น) 10% ในปี 2566 และ 9% ในปี 2567
อย่างไรก็ดี SCBS ให้เรตติ้ง Outperform ด้วยราคาเป้าหมาย 19 บาทต่อหุ้น (EV บวกมูลค่าที่ประเมินได้ของ VNB) เนื่องจาก
- เบี้ยประกันภัยรับใหม่จะฟื้นตัวกลับมาเติบโต
- VNB Margin จะปรับตัวดีขึ้น
- ประโยชน์จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นต่อ ROI และการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับใหม่
สำหรับปัจจัยความเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ
- ภาวะเงินเฟ้อสร้างแรงกดดันต่อกำลังซื้อของลูกค้า
- ความผันผวนของตลาดทุน
- การเปลี่ยนแปลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล
- การนำมาตรฐานการบัญชีใหม่มาใช้
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP