ธนาคารทิสโก้ เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทงวดปี 2563 กำไรสุทธิในส่วนของบริษัทอยู่ที่ 6,063.48 ล้านบาท ลดลง 1,206.75 ล้านบาท หรือราว 16.6% จากปีก่อนหน้า สาเหตุเพราะสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวกดดันรายได้จากธุรกิจหลักของธนาคาร และทำให้ภาระการตั้งค่าเผื่อสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตสูงขึ้น
ทั้งนี้ รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 12,792.41 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 2.4% จากการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินที่มีประสิทธิภาพในภาวะดอกเบี้ยขาลง ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอยู่ที่ 5,806.23 ล้านบาท ลดลง 12.6% เกิดจากรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ทั้งธุรกิจนายหน้าประกันภัย และค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับการปล่อยสินเชื่อ จากการปล่อยสินเชื่อใหม่ที่ลดลง ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมของธุรกิจตลาดทุนปรับตัวดีขึ้น 12.8% ตามปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น และการออกกองทุนใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของนักลงทุนในภาวะที่ตลาดทุนผันผวน
ด้านค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอยู่ที่ 8,011.82 ล้านบาท ลดลง 13.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนตามรายได้ที่ชะลอตัว ในส่วนของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 1.42% ของยอดสินเชื่อเฉลี่ย เพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
ในขณะเดียวกันอัตราส่วนสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio) ณ สิ้นปี 2563 อยู่ที่ 2.50%
บริษัทยังคงติดตามและดูแลลูกหนี้ทุกกลุ่มอย่างใกล้ชิด ส่งผลให้อัตราส่วนสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio) อยู่ที่ 2.50% ณ สิ้นปี 2563 ปรับเพิ่มขึ้นจากสิ้นปีก่อนหน้าที่อยู่ 2.40%
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์