×

‘บล.ทิสโก้’ ประเมินกำไร บจ. ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว คาดไตรมาส 2 โต 118% หลังจากนี้ทิศทางขาลง เหตุปัจจัยลบรออยู่เพียบ

18.08.2021
  • LOADING...
tisco

บล.ทิสโก้ คาดการณ์ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และมีแนวโน้มปรับตัวลดลงในช่วงที่เหลือของปี แม้ว่ากำไร บจ. ในไตรมาส 2 ปีนี้จะเติบโตขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ก็ตาม โดยแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นที่จะได้รับอานิสงส์จากการเปิดเศรษฐกิจและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ  

 

อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมกำไรสุทธิของ บจ. ในไตรมาส 2/64 อยู่ที่ 2.75 แสนล้านบาท (626 บริษัทจากทั้งหมด 650 บริษัทใน SET) ซึ่งเติบโต +118% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้นเล็กน้อย +3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ) โดยหลายกลุ่มอุตสาหกรรมมีกำไรเติบโตสูง YoY เนื่องจากฐานกำไรไตรมาส 2 ของปีที่แล้วที่ต่ำมากจากมาตรการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบ 

 

อย่างไรก็ตาม ยังมีกลุ่มที่ยังมีผลการดำเนินงานขาดทุนในไตรมาส 2 ปีนี้คือ กลุ่ม TOURISM เนื่องจากไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ และยังคงได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์   

 

หากเปรียบเทียบกำไรสุทธิไตรมาส 2/64 ที่ประกาศออกมากับประมาณการของตลาดโดยรวม (Bloomberg Consensus) จำนวน 206 บริษัท จะมีกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 2.43 แสนล้านบาท ดีกว่าคาด 10% จากที่ประเมินไว้ที่ 2.21 แสนล้านบาท โดยแบ่งเป็น 96 บริษัทมีงบดีกว่าคาด (เพิ่มขึ้นกว่าคาดมากกว่า 5%), 50 บริษัทมีงบตามคาด (เพิ่มขึ้นหรือลดลง ระหว่าง +/-5%) และ 60 บริษัทมีงบแย่กว่าคาด (ลดลงกว่าคาด -5%) หรือคิดเป็นสัดส่วน 47:24:29 ตามลำดับ   

 

แม้ผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/64 ส่วนใหญ่จะดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ แต่กำไร บจ. น่าจะผ่านจุดสูงสุดของปีนี้ไปแล้ว บล.ทิสโก้ มองว่า ประมาณการกำไรของตลาดโดยรวม (SET EPS) มีแนวโน้มปรับลง เพื่อสะท้อนทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง และผลกระทบจากสถานการณ์ระบาดที่ยืดเยื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากการใช้มาตรการควบคุมการระบาดเกินกว่าสิ้นเดือนสิงหาคม 

 

ทั้งนี้ ประมาณการ SET EPS ของตลาดในปี 2564 ยังทรงตัวในระดับสูงที่ 85.0 บาทต่อหุ้น ซึ่งส่วนหนึ่ง บล.ทิสโก้ เชื่อว่าตลาดยังคาดหวังเชิงบวกต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล็อตใหม่ในช่วงปลายปีนี้ แต่อย่างไรก็ดี ประมาณการกำไรล่วงหน้าปี 2565 เริ่มมีสัญญาณปรับลงในเดือนสิงหาคมเป็นเดือนแรกของปีนี้ โดยล่าสุดอยู่ที่ 95.8 บาทต่อหุ้น เทียบจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ 96.3 บาทต่อหุ้น 

 

ในช่วง 1-2 เดือนจากนี้ บล.ทิสโก้ แนะนำให้ติดตามสัญญาณการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น (Hawkish) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) โดยเฉพาะการประชุม Jackson Hole Economic Symposium ในวันที่ 26-28 สิงหาคมนี้ ว่าจะเริ่มต้นส่งสัญญาณการลดทอนการเข้าซื้อสินทรัพย์ลงหรือไม่ (QE Tapering) และการประชุม Fed ในวันที่ 21-22 กันยายน ที่จะมีการเปิดเผยคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย (Dot Plot) สำหรับปี 2567 เป็นครั้งแรก ซึ่งอาจสะท้อนแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยที่ต่อเนื่องจากปี 2566 หลังจากที่การประชุม Fed เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เพิ่งมีการปรับ Dot Plot ขึ้น 2 ครั้งภายในสิ้นปี 2566 เทียบจากเดิมไม่คาดจะเปลี่ยนแปลงตลอดทั้งปี 2566  

 

ถึงแม้ บล.ทิสโก้ จะไม่เชื่อว่าการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ที่เข้มงวดขึ้น (Hawkish) จะเป็นจุดจบของตลาดหุ้นโลกขาขึ้น แต่น่าจะกดดันให้ตลาดหุ้นเกิดการปรับฐานลงได้ หลังจากที่ปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทุกเดือนตลอดทั้งปีนี้ 

 

สำหรับธีมหุ้นแนะนำเทรดดิ้งในระยะสั้น คือ 1. หุ้นที่ตลาดมีโอกาสปรับมุมมองในเชิงบวกขึ้นหลังงบไตรมาส 2 ดีกว่าคาด และไตรมาส 3 มีแนวโน้มดีต่อ คือ AH, BCH, IVL, JWD, PTTGC, SAT, SFT, SMPC, TPIPL, VIBHA และ WICE   

 

  1. หุ้นอิงดีมานด์ในต่างประเทศ และได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า คือ กลุ่ม ETRON ได้แก่ KCE และ HANA กลุ่ม FOOD ได้แก่ CBG, GFPT, SAPPE และ TU กลุ่ม TRANS (เดินเรือและโลจิสติกส์) ได้แก่ PSL, TTA, JWD และ WICE  

 

  1. หุ้นคาดรับอานิสงส์เชิงบวกจากการระบาดและการล็อกดาวน์ยืดเยื้อ คือ กลุ่ม HEALTH ได้แก่ BCH และ BDMS กลุ่ม ICT & IT ได้แก่ ADVANC, DTAC, AS, COM7 และ SYNEX กลุ่มอื่นๆ ได้แก่ KEX  

 

  1. หุ้นหลบภัยพื้นฐานดีมีรายได้มั่นคง คือ ADVANC, EASTW และ EGCO และหุ้นที่มีอัตราการจ่ายปันผล (Dividend Yield) งวดนี้รออยู่มากกว่า 2% แนะนำ LH (XD 24 ส.ค. @ Bt0.25), PROSPECT (XD 23 ส.ค. @ Bt0.235), SMPC (XD 23 ส.ค. @ Bt0.35), SPALI (XD 24 ส.ค. @ Bt0.5), STA (XD 23 ส.ค. @ Bt1.25), STGT (XD 23 ส.ค. @ Bt1.25), TU (XD 23 ส.ค. @ Bt0.45) และ TVO (XD 27 ส.ค. @ Bt1.3) 

 

สำหรับธีมหุ้นที่แนะนำหาจังหวะตั้งรับเพื่อหวังผลในระยะถัดไปเมื่อมีการทยอยเปิดเศรษฐกิจ (Reopening) และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐช่วงปลายปีนี้ แนะนำ AOT, BAM, BEM, CPALL, CPN, CRC, MTC และ STEC 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising