ศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ เปิดเผยว่า ในปี 2565 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยประเมินว่าการขยายตัวจะอยู่ที่ระดับ 3.3% ซึ่งมีแรงสนับสนุนจากอุปสงค์ในประเทศและการส่งออกที่ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโควิด ดังนั้นกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของกลุ่มทิสโก้ในปีนี้จึงให้ความสำคัญกับ ‘การเติบโตอย่างมีคุณภาพ’
“เศรษฐกิจไทยเข้าสู่โหมดของการทยอยฟื้นตัวอย่างช้าๆ โดยยังมีความไม่แน่นอนจากการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอนและโอกาสการกลายพันธุ์ที่ยังไม่จบ ซึ่งเป็นความท้าทายที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ทำให้การขับเคลื่อนธุรกิจของกลุ่มทิสโก้โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรกเน้นการเติบโตอย่างระมัดระวัง จากนั้นหากสถานการณ์การแพร่ระบาดเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นจะเร่งระดับของการเติบโตขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี” ศักดิ์ชัยกล่าว
สำหรับยุทธศาสร์การเติบโตในแต่ละกลุ่มธุรกิจของทิสโก้กำหนดเป้าหมายไว้ ดังนี้
กลุ่มธุรกิจรายย่อยจะมุ่งสนับสนุนเงินให้สินเชื่อแก่ลูกค้าเช่าซื้อ จำนำทะเบียนรถ และสินเชื่อเพื่อการบริโภค ผ่านช่องทางสาขาธนาคารทิสโก้ การขยายสาขา ‘สมหวัง เงินสั่งได้’ เพิ่มเป็น 400 แห่ง โดยกระจายไปตามภูมิภาคต่างๆ อย่างทั่วถึง เพื่อให้คนไทยมีโอกาสเข้าถึงบริการทางการเงินและความรู้ทางการเงินได้มากขึ้น พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ และแสวงหาโอกาสการเติบโตในกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เช่น กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV) กลุ่มรถบรรทุก รวมถึงเพิ่มช่องทางบริการผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลมากขึ้น
“การเติบโตของสินเชื่อรายย่อยปีนี้ หลักๆ เราจะเน้นไปที่รถยนต์โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์มือสองและสินเชื่อจำนำทะเบียน โดยคาดว่าสินเชื่อน่าจะขยายตัวได้ 3-4%” ศักดิ์ชัยกล่าว
ด้านธุรกิจนายหน้าประกันภัยจะให้ความสำคัญกับการทำการตลาดแบบคู่ขนาน ทั้งการสานต่อและขยายความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่เป็นผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำ รวมทั้งพันธมิตรในกลุ่มธุรกิจอื่นเพื่อสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ควบคู่กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และช่องทางการเข้าถึงลูกค้าแบบ Customer Touchpoint
ส่วนกลุ่มธุรกิจบรรษัทจะมุ่งเน้นไปที่ลูกค้าในอุตสาหกรรมพลังงานทางเลือก ซึ่งเป็นเทรนด์ของโลกและลูกค้าในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่จะมีการขึ้นโครงการใหม่ๆ จากอานิสงค์ของนโยบาย LTV ทำให้มีโอกาสที่สินเชื่อในกลุ่มนี้จะเติบโตได้เป็นตัวเลขสองหลัก
สำหรับกลุ่มธุรกิจธนบดีและจัดการกองทุนจะเดินหน้าบริการออกแบบแผนการเงินเฉพาะบุคคลเพื่อรองรับเทรนด์สังคมอายุยืน (Aging Society) ที่เกิดขึ้นแล้วในประเทศไทย โดยครอบคลุมทั้งการวางแผนการลงทุน การคุ้มครองชีวิตและสุขภาพ และการวางแผนเกษียณ นอกจากนี้จะมุ่งขยายฐานลูกค้าในกลุ่ม Mass Affluent ที่มีสินทรัพย์ขั้นต่ำ 5 ล้านบาทมากขึ้น ผ่านบริการลงทุน นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และที่ปรึกษาการลงทุน
“เมื่อเอาทุกกลุ่มธุรกิจมารวมเข้าด้วยกันแล้ว เราคาดว่าสินเชื่อในปีนี้น่าจะขยายตัวได้ที่ 4-5% ขณะที่ NPL มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 2.4% ในปีที่ผ่านมา จากการที่เราหันมารุกสินเชื่อที่เป็นไฮยีลด์มากขึ้น ส่วนการตั้งสำรองในปีนี้ก็คาดว่าหากสถานการณ์โอมิครอนไม่เลวร้ายจะมีแนวโน้มลดลงจากปีก่อนที่ราว 2 พันล้านบาท” ศักดิ์ชัยกล่าว
ศักดิ์ชัยยังประเมินว่าทิสโก้จะได้รับผลกระทบไม่มากจากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) จะกำหนดเพดานดอกเบี้ยสินเชื่อรถยนต์ใหม่อยู่ที่ 15% ขณะที่รถยนต์มือสองรวมทั้งมอเตอร์ไซค์อยู่ที่ 20% เนื่องจากที่ผ่านไม่ได้ปล่อยสินเชื่อเกินเพดานดังกล่าวอยู่แล้ว
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP