วันนี้ (11 สิงหาคม) ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แสดงความเห็นพาดพิงถึงรัฐบาลรักษาการให้รักษามารยาทในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ
ทิพานันกล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตระหนักถึงการบริหารราชการแผ่นดินในช่วงเปลี่ยนผ่าน เพื่อให้ทุกกลไกสามารถขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่อง ไม่สะดุด หรือเกิดสุญญากาศ โดยระมัดระวังในการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายด้วยความรอบคอบและรอบด้าน อะไรทำได้และอะไรทำไม่ได้ บนหลักการของความจำเป็นเร่งด่วน ที่สำคัญยึดประโยชน์สูงสุดในการดูแลพี่น้องประชาชน ไม่ใช้การเมืองนำ
ทั้งนี้ เงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 169 (2) กำหนดไว้ว่า ไม่แต่งตั้งหรือโยกย้ายข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ หรือพนักงานของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือกิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ หรือให้บุคคลดังกล่าวพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ หรือพ้นจากตำแหน่ง หรือให้ผู้อื่นมาปฏิบัติหน้าที่แทน เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อน
ทิพานันกล่าวต่อว่า ฉะนั้นการแต่งตั้งหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงในขณะที่ยังไม่มีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่นั้น มีแนวทางให้รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงในการแต่งตั้งปลัดกระทรวงในสังกัดที่กำลังจะเกษียณอายุราชการในขณะนี้ สามารถเสนอแต่งตั้งปลัดกระทรวงคนใหม่เพื่อมาทำหน้าที่แทนปลัดกระทรวงที่เกษียณอายุเสนอเข้ามาให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาได้
แต่สามารถแต่งตั้งได้เฉพาะปลัดกระทรวงที่จะเกษียณเท่านั้น ไม่สามารถแต่งตั้งอธิบดีในกรมต่างๆ ที่จะเกษียณอายุราชการ โดยรายชื่อปลัดกระทรวงที่ผ่านการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้วจะส่งต่อไปยัง กกต. เพื่อพิจารณาให้เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 169 (2) ต่อไป ที่สุดแล้วขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ กกต. ฉะนั้นขอให้ทุกฝ่ายมั่นใจและอย่าหวาดระแวงใดๆ
ทิพานันกล่าวว่า หากมีการเสนอชื่อโยกย้ายที่เป็นไปตามกฎหมายและผ่านกลไกต่างๆ ที่ถูกต้องมายัง พล.อ. ประยุทธ์ นั้น ก็จะดำเนินการตามกรอบของกฎหมายอย่างเคร่งครัด ตลอดจนมารยาทและธรรมเนียมปฏิบัติ โดยไม่มีวาระแอบแฝงอื่นใดนอกเหนือไปจากประโยชน์ของพี่น้องประชาชน
โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังฟื้นตัวแบบก้าวกระโดด จึงพยายามระมัดระวังไม่ให้การดำเนินการใดๆ หรือละเว้นการดำเนินการ จนกลายเป็นปัจจัยฉุดรั้งการฟื้นฟูประเทศ เพื่อส่งต่อให้กับรัฐบาลชุดใหม่