×

ไทม์ไลน์หลังเลือกตั้ง ขั้นตอนจากนี้ถึงวันสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

โดย THE STANDARD TEAM
08.11.2020
  • LOADING...
ไทม์ไลน์หลังเลือกตั้ง ขั้นตอนจากนี้ถึงวันสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

หลังรอคอยมาเกือบหนึ่งสัปดาห์นับจากวันเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ในที่สุดชาวอเมริกันและผู้คนทั่วโลกก็ได้เห็นโฉมหน้าว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งก็คือ โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต 

 

แล้วขั้นตอนต่างๆ หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อ เรามาสรุปไทม์ไลน์ตั้งแต่วันเลือกตั้งจนถึงวันเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2021 กัน

 

3 พฤศจิกายน: วันเลือกตั้ง

ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งที่คูหา เมื่อปิดหีบก็เริ่มนับคะแนน

 

แม้ชาวอเมริกันหลายล้านคนได้ทยอยใช้สิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งล่วงหน้าในช่วงหลายสัปดาห์ก่อนวันเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นการโหวตผ่านทางไปรษณีย์หรือการหย่อนบัตรที่คูหาเลือกตั้งล่วงหน้าด้วยตนเอง แต่กฎหมายสหรัฐฯ ได้กำหนดให้วันเลือกตั้งจัดขึ้นในวันอังคารแรกหลังวันจันทร์แรกของเดือนพฤศจิกายนของทุกๆ 4 ปี และเริ่มการนับคะแนนทั่วประเทศตั้งแต่วันเลือกตั้ง 

 

4-23 พฤศจิกายน: นับคะแนนเลือกตั้ง

บัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์ต้องประทับตราวันที่ไม่เกินวันที่ 3 พฤศจิกายนในทุกรัฐของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม การรับบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์อาจล่าช้ากว่านั้น และการนับคะแนนก็อาจยังคงดำเนินต่อไปในอีกหลายรัฐ โดยในหลายกรณี กำหนดให้ต้องได้รับบัตรลงคะแนนภายใน 1 หรือ 2 วันหลังวันเลือกตั้ง แต่ในรัฐวอชิงตัน อนุญาตให้รับบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์ล่าช้าได้ถึงวันที่ 23 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันก่อนที่รัฐวอชิงตันจะให้การรับรองผลการเลือกตั้ง ขณะที่ในรัฐสมรภูมิ (Battleground State) อย่างนอร์ทแคโรไลนาและเพนซิลเวเนียนั้น อาจรับบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์จนถึงวันที่ 6 พฤศจิกายน

 

ส่วนในรัฐมินนิโซตาและรัฐเนวาดา ซึ่งเป็นสองรัฐสมรภูมิเช่นกัน สามารถรับบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์จนถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน และอาจช้าได้ถึงวันที่ 13 พฤศจิกายนในรัฐโอไฮโอ

 

10 พฤศจิกายน-11 ธันวาคม: รัฐต่างๆ รับรองผลการเลือกตั้ง

แต่ละรัฐไม่ต่างกันมาก โดยหลังวันเลือกตั้งหนึ่งสัปดาห์ รัฐบาลของรัฐต่างๆ จะเริ่มรับรองผลการเลือกตั้ง อย่างไรก็ดี กำหนดเส้นตายอาจแตกต่างกันในกรณีที่มีการนับคะแนนใหม่เพราะคะแนนสูสีกันมาก ซึ่งวันรับรองผลการเลือกตั้งของรัฐส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในช่วงสองสัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤศจิกายน และทุกรัฐยกเว้นแคลิฟอร์เนีย กำหนดให้มีขึ้นในวันที่ 8 ธันวาคม  

 

8 ธันวาคม: ‘Safe Harbor’ เพื่อตัดสินผลเลือกตั้ง และแต่งตั้งผู้เลือกตั้ง (Electors)

กฎหมาย Electoral Count Act กำหนดให้วันนี้เป็นวันที่รัฐต่างๆ ควรต้องนับคะแนนเลือกตั้งให้แล้วเสร็จ ยุติข้อขัดแย้ง และตัดสินผู้ชนะจากคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) โดยผู้ว่าการรัฐจะออกเอกสารรับรอง (Certificate of Ascertainment) ที่ระบุว่าใครเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง และประกาศรายชื่อผู้เลือกตั้ง (Electors) โดยในปี 2000 ศาลสูงสุดได้มีคำสั่งให้ยุติการนับคะแนนใหม่ในรัฐฟลอริดา เพราะพิจารณาแล้วว่าการนับคะแนนใหม่อาจไม่แล้วเสร็จภายในวันที่ 8 ธันวาคม (Safe Harbor Date) ส่งผลให้ จอร์จ ดับเบิลยู. บุช จากรีพับลิกัน คว้าชัยในการเลือกตั้งปีนั้นไปครอง โดยเอาชนะ อัล กอร์ จากพรรคเดโมแครตมาได้

 

14 ธันวาคม: ผู้เลือกตั้งลงคะแนน

ตามกฎหมายแล้ว วันลงคะแนนของผู้เลือกตั้งคือวันจันทร์ วันแรกหลังจากวันพุธที่สองในเดือนธันวาคม ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 14 ธันวาคม ผู้เลือกตั้ง (Electors) จะต้องประชุมกันในรัฐของตนเองและลงคะแนนเลือกประธานาธิบดี จากนั้นส่งคะแนนเลือกตั้งไปยังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ทั้งนี้หลายรัฐมีกฎหมายที่กำหนดให้ผู้เลือกตั้งต้องสนับสนุนผู้ชนะที่ประชาชนเลือกมา และสามารถลงโทษปรับเงินผู้เลือกตั้งที่ไม่ยอมปฏิบัติตาม โดยคณะผู้เลือกตั้งนั้นเป็นบุคคลที่พรรคการเมืองแต่งตั้งเพื่อมาทำหน้าที่

 

23 ธันวาคม: คะแนนจากผู้เลือกตั้งต้องมาถึงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.

คะแนนของคณะผู้เลือกตั้งที่ได้รับการรับรองมีเวลา 9 วันในการส่งจากรัฐของตนมายัง Capitol Hill หรือรัฐสภา 

 

3 มกราคม 2021: สมาชิกสภาคองเกรสชุดใหม่ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง

 

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในเวลาเที่ยงวัน และนับเป็นการเริ่มต้นวาระของสภาคองเกรสชุดที่ 117 อย่างเป็นทางการ

 

วันที่ 6 มกราคม 2021: นับคะแนนผู้เลือกตั้ง

ส.ส. และ ส.ว. ทั้งหมดประชุมร่วมกันในสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา (ได้แก่ รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์) เป็นประธานการประชุม ขณะที่ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งจำนวน 2 คน ซึ่งคนหนึ่งมาจากสภาผู้แทนฯ และอีกคนมาจากวุฒิสภา จะทำหน้าที่อ่านและนับคะแนนผู้เลือกตั้งตามลำดับตัวอักษร จากนั้นส่งผลการนับคะแนนรวมแก่เพนซ์ ซึ่งจะเป็นผู้ประกาศผลและรับฟังหากมีการคัดค้าน โดยหากมีการคัดค้าน สภาผู้แทนราษฏรและวุฒิสภาจะแยกกันพิจารณาเพื่อตัดสินว่าจะนับคะแนนเหล่านั้นอย่างไร

 

คะแนนผู้เลือกตั้งมีจำนวนทั้งสิ้น 538 คะแนน ถ้าไม่มีแคนดิเดตคนใดได้คะแนนผู้เลือกตั้งถึง 270 คะแนน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 435 คนจะทำหน้าที่ตัดสินการเลือกตั้ง โดยให้แต่ละรัฐโหวต อย่างไรก็ดี แม้ปัจจุบันเดโมแครตมี ส.ส. ในสภาผู้แทนฯ มากกว่า แต่รีพับลิกันมีคณะผู้แทนของแต่ละรัฐมากกว่า จึงมีความเป็นไปได้มากที่สภาผู้แทนฯ อาจเลือก โดนัลด์ ทรัมป์ เพราะแม้เดโมแครตครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯ แต่ผู้ที่เป็นประธานาธิบดีจะต้องได้คะแนนเสียงส่วนใหญ่จากคะแนนโหวตของแต่ละรัฐ ทั้งนี้สภาผู้แทนฯ มีเวลาจนถึงเที่ยงวันของวันที่ 20 มกราคมในการเลือกประธานาธิบดี หากไม่สามารถเลือกได้ รองประธานาธิบดีหรือผู้มีสิทธิ์ในลำดับต่อไปจะทำหน้าที่ประธานาธิบดีแทน

 

20 มกราคม 2021: วันสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดี

ประธานาธิบดีคนใหม่จะทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในช่วงเที่ยงวัน ณ อาคารรัฐสภาในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. หากผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีเสียชีวิตก่อนวันสาบานตน ผู้ที่ได้รับเลือกเป็นรองประธานาธิบดีจะทำพิธีสาบานตนและขึ้นเป็นประธานาธิบดีแทน สำหรับในกรณีการเลือกตั้งที่มีการโต้แย้ง หากสภาผู้แทนราษฎรไม่เลือกประธานาธิบดี แต่วุฒิสภาเลือกรองประธานาธิบดี ผู้ที่ได้รับเลือกเป็นรองประธานาธิบดีก็จะทำหน้าที่เป็นรักษาการประธานาธิบดีไปจนกว่าสภาผู้แทนฯ จะมีมติเลือกประธานาธิบดี และหากไม่มีผู้ที่ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดี สภาผู้แทนฯ ก็จะแต่งตั้งประธานขึ้นมาทำหน้าที่จนกว่าจะมีมติเลือกประธานาธิบดีได้ในที่สุด 

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง: 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X