การเดินทางเยือนประเทศจีนครั้งล่าสุดของ ทิม คุก ซีอีโอ Apple บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ชั้นนำสัญชาติสหรัฐฯ ถือเป็นการเดินทางเยือนจีนเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 12 เดือน สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของตลาดจีนที่มีต่อ Apple แม้ว่ายอดขายในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาของ Apple ในตลาดจีนจะหดตัวลง
ทั้งนี้ สำหรับการเดินทางเยือนจีนในช่วงเดือนมีนาคมนี้ของ ทิม คุก มีขึ้นประจวบเหมาะกับการที่บริษัทเปิด Apple Store แห่งใหม่ในนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในจีน และใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสโตร์ของ Apple ใน Fifth Avenue นิวยอร์ก ด้วยเงินลงทุนสูงถึง 11.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายงานระบุว่า แทบจะในทันทีที่มาถึงจีน ซีอีโอ Apple ได้โพสต์ข้อความลงบน Weibo เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (20 มีนาคม) ว่า “Nonghao Shanghai!” ซึ่งเป็นการกล่าวทักทายชาวเซี่ยงไฮ้ด้วยภาษาเซี่ยงไฮ้ ก่อนระบุว่าตนเองมีความยินดีเสมอที่ได้กลับมาเยือนเมืองที่สวยงามและน่าจดจำแห่งนี้ พร้อมบอกเล่ากิจกรรมที่ตนเองได้ทำ
ความกระตือรือร้นของ ทิม คุก สะท้อนให้เห็นถึงการที่ตลาดจีนยังคงเป็นตลาดที่มีความสำคัญอย่างยิ่งกับ Apple ในฐานะตลาดที่มียอดขายสมาร์ทโฟนเรือธงตระกูล iPhone ในปริมาณมหาศาล
สำหรับสโตร์แห่งใหม่ที่เปิดเข้ามาทำให้เฉพาะในเซี่ยงไฮ้ ศูนย์กลางทางการเงินของจีนแผ่นดินใหญ่ มีสโตร์ของ Apple รวมทั้งหมด 8 แห่ง ถือว่าเป็นเมืองที่มีสโตร์ของ Apple มากที่สุดในประเทศ ขณะที่เมื่อรวมทั่วประเทศจีนทั้งหมดพบว่า ปัจจุบัน Apple มีสโตร์ในจีนทั้งหมด 47 แห่ง ครอบคลุม 24 เมืองทั่วจีน
นักวิเคราะห์มองว่า ความเคลื่อนไหวของ Apple ล่าสุดนี้ถือเป็นความพยายามที่จะต่อสู้กับคู่แข่งและฟื้นฟูยอดขายในตลาดที่เต็มไปด้วยอุปสรรคและการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้น ตั้งแต่การชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ไปจนถึงความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และความรู้สึกชาตินิยมที่เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ การเยือนประเทศจีนเป็นครั้งที่ 3 ในรอบปีของ ทิม คุม ครั้งนี้ยังตอกย้ำความสำคัญของจีนต่อ Apple ในฐานะตลาดต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุด และเป็นส่วนสำคัญของห่วงโซ่อุปทานการผลิต
จากข้อมูลของ IDC Research พบว่า ในปี 2023 Apple ครองตำแหน่งสูงสุดในตลาดสมาร์ทโฟนของจีนเป็นครั้งแรก โดยมีส่วนแบ่งตลาดเป็นประวัติการณ์ที่ 17.3%
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 6 สัปดาห์แรกของปี 2024 ผลการศึกษาของ Counterpoint Research พบว่า ยอดขาย iPhone ในประเทศลดลง 24% จากปีที่แล้ว เช่นเดียวกันกับส่วนแบ่งการตลาดของ Apple ที่ลดลง เนื่องจากสูญเสียส่วนแบ่งให้กับคู่แข่งอย่าง vivo, Huawei และ Honor โดยมีรายงานว่า ยอดขายสมาร์ทโฟนของ Huawei เพิ่มขึ้นถึง 64% ในช่วงเวลาเดียวกัน
อีวาน หล่ำ นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Counterpoint กล่าวว่า ท่าทีของ ทิม คุก ชี้ได้ว่า จีนยังคงเป็นตลาดที่สำคัญสำหรับ Apple โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มสินค้าพรีเมียมที่มีมูลค่าสูงกว่า 800 ดอลลาร์สหรัฐ ที่ Apple ครองเบอร์หนึ่งอยู่ในตลาดส่วนนี้ พร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่า ด้วยการฟื้นตัวของ Huawei และผู้ผลิตโทรศัพท์ชาวจีนรายอื่นๆ ที่ได้รับแรงผลักดันในการขายออฟไลน์ Apple กำลังเสริมความแข็งแกร่งให้กับสถานะออฟไลน์ในเชิงรุก โดยใช้ประโยชน์จากร้านเรือธงเป็นเครื่องมือสำคัญในการโปรโมตสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์
ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีรายงานว่าทาง Apple ได้ประกาศว่าจะขยายศูนย์การวิจัยในเซี่ยงไฮ้เพื่อรองรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้งหมด และเปิดเผยแผนที่จะเปิดห้องปฏิบัติการวิจัยประยุกต์แห่งใหม่ที่เมืองเซินเจิ้นในช่วงปลายปีนี้
แดเนียล ไอฟส์ กรรมการผู้จัดการและนักวิเคราะห์หลักทรัพย์อาวุโสของ Wedbush Securities กล่าวว่า จีนเป็นทั้งตลาดและแหล่งผลิตสำคัญในฐานะห่วงโซ่อุปทานของบริษัท จนเปรียบได้ว่าจีนเป็นหัวใจและปอดของกลยุทธ์การเติบโตของ Apple ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ผู้บริหารระดับสูงสุดของ Apple จะลงมาลุยด้วยตนเอง
รายงานระบุว่า นอกจากเข้าร่วมการเปิดสโตร์แห่งใหม่แล้ว คุกยังได้เดินสายพบปะกับ 3 ซัพพลายเออร์หลัก ได้แก่ BYD, Lens Technology และ Everwin Precision Technology ซึ่งคุกได้หยอดคำหวานระบุว่า ไม่มีห่วงโซ่อุปทานใดในโลกที่สำคัญสำหรับ Apple มากกว่าห่วงโซ่อุปทานของจีน ก่อนยกย่องซัพพลายเออร์ของจีนว่ามี ‘การผลิตที่ทันสมัยที่สุดในโลก’
เรียกได้ว่ายอดขาย iPhone ที่ลดลงไม่ได้ทำให้คุกถอดใจจากตลาดจีน ตรงกันข้าม เจ้าตัวกลับเดินหน้าปรับตัวเป็นฝ่ายรุกเสียเอง เพราะไม่ว่ายอดขายจะลดลงอย่างไร แต่ตลาดจีนก็ยังถือว่ามีขนาดใหญ่มากกว่าตลาดอื่นๆ อีกทั้ง Apple ก็ยังคงมีสาวกแฟนคลับที่เหนียวแน่นจำนวนมาก
อ้างอิง: