ดูเหมือนว่าประเด็นความขัดแย้งระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และแพลตฟอร์มดิจิทัลจากจีน ทั้ง TikTok และ WeChat จะยังมีภาคต่อให้ต้องตามดูกันยาวๆ เมื่อล่าสุดมีรายงานว่า ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok เตรียมจะยื่นเรื่องฟ้องทรัมป์และทีมบริหารฐานลงนามในคำสั่งแบนการดำเนินธุรกิจของพวกเขาในสหรัฐฯ และกดดันให้ต้องจำหน่ายธุรกิจให้กับบริษัทในประเทศภายในระยะเวลา 90 วัน
โดยข้อมูลในแถลงการณ์ของ TikTok ระบุว่า “เพื่อให้แน่ใจว่าหลักนิติธรรมเป็นสิ่งสำคัญ และบริษัทรวมถึงผู้ใช้งานของเราจะต้องได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรม เราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขอยื่นเรื่องคัดค้านคำสั่งของคณะบริหารผ่านระบบตุลาการ เราจะปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของเราผ่านการดำเนินคดี”
TikTok ยังบอกอีกด้วยว่า ถึงแม้พวกเขาจะพยายามทำงานร่วมกับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อหาทางออกแก้ปัญหาความกังวลต่อความมั่นคงของชาติ แต่สิ่งที่พบกลับเป็นกรณีที่คณะผู้บริหารประเทศไม่ได้สนใจข้อเท็จจริงใดๆ ก็ตาม และพยายามที่จะผลักดันตัวเองเข้ามาเป็นหนึ่งในตัวละครที่เจรจาดีลการซื้อ-ขายกิจการร่วมกับบริษัทเอกชนในประเทศ
ทั้งนี้มีรายงานว่า เราน่าจะได้เห็นความชัดเจนของ TikTok ในการยื่นเรื่องฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมายกับทรัมป์และคณะผู้บริหารในอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อจากนี้ โดยปัจจุบัน Microsoft และ Oracle เป็นสองตัวเต็งของบริษัทเอกชนในสหรัฐฯ ที่อยู่ในระหว่างดีลการเจรจาซื้อ-ขายสิทธิ์การดูแล TikTok กับ ByteDance
ด้าน WeChat อีกหนึ่งแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียจากจีนที่พัฒนาโดยบริษัท Tencent ก็เป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลอีกรายที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งแบนโดยทรัมป์ในช่วงเวลาเดียวกันกับ TikTok ผลที่ตามมาจึงทำให้ผู้ใช้งานแชตแอปฯ ดังกล่าวในสหรัฐฯ เดือดร้อนกันถ้วนหน้า
จนมีรายงานว่าผู้ใช้งาน WeChat จำนวนมากในสหรัฐฯ ได้รวมตัวกันเตรียมยื่นเรื่องฟ้องการกระทำของประธานาธิบดีทรัมป์แล้ว พร้อมชี้ว่า คำสั่งการแบน WeChat ของทรัมป์เข้าข่ายการบดบังสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของพลเมือง, นอกจากนี้ยังเป็นการปิดกั้นผู้ใช้งานชาวจีนหลายรายที่อาศัยในสหรัฐฯ ไม่ให้สามารถติดต่อสื่อสารกับครอบครัวจีนในภูมิลำเนาเดิมของตนได้อีกด้วย
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: