บมจ.เงินติดล้อ หรือ TIDLOR เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันนี้วันแรก (10 พฤษภาคม) โดยกำหนดราคาหุ้น IPO อยู่ที่ 36.5 บาท ซึ่งเมื่อเปิดทำการซื้อขายราคาหุ้นปรับตัวขึ้นทันทีมาอยู่ที่ระดับ 53.50 บาท เพิ่มขึ้น 17 บาท จากราคา IPO หรือคิดเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้น 46.57%
สำหรับ TIDLOR เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นหลักประกัน เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 84,642.94 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า ‘TIDLOR’
TIDLOR เป็นบริษัทในกลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ที่ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับดูแลโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ประเภทสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นหลักประกัน (สินเชื่อจำนำทะเบียน) ภายใต้ชื่อ ‘เงินติดล้อ’ นอกจากนี้ TIDLOR มีธุรกิจนายหน้าประกันภัยที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด เป็น 1 ใน 3 อันดับแรกของธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยที่จำหน่ายแก่ลูกค้ารายย่อย ด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อจำนำทะเบียนที่หลากหลาย ครบวงจร และช่องทางการขายและบริการที่ครอบคลุมทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ณ ธันวาคม 2563 มี 1,076 สาขา ครอบคลุม 74 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้ารายย่อยในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน
TIDLOR เสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก 1,043.54 ล้านหุ้น ประกอบด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุน 210.82 ล้านหุ้น หุ้นสามัญเดิมของ BAY 284.14 ล้านหุ้น และ Siam Asia Credit Access Pte. Ltd. (SACA) 412.47 ล้านหุ้น และจัดสรรหุ้นส่วนเกิน 136.11 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อบุคคลทั่วไปวันที่ 22-26 เมษายน 2564 และผู้ลงทุนสถาบันวันที่ 28-30 เมษายน 2564 ในราคาหุ้นละ 36.5 บาท คิดเป็นมูลค่าเสนอขาย 38,089.31 ล้านบาท (รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) และมูลค่าระดมทุน 7,694.81 ล้านบาท โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 84,642.94 ล้านบาท มีบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายร่วม
ปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ TIDLOR กล่าวว่า บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ไปขยายธุรกิจทั้งด้านสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันและนายหน้าประกันภัย ใช้พัฒนาโครงสร้างด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล ปรับโครงสร้างเงินทุนโดยการชำระคืนหนี้และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดย TIDLOR มุ่งมั่นที่จะรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน และก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจนายหน้าประกันภัยสำหรับรายย่อย เพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียของเงินติดล้อในทุกระดับ
TIDLOR มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่
1. BAY ถือหุ้น 30.00%
2. SACA ถือหุ้น 25.00%
3. UBS Securities Pte. Ltd. ถือหุ้น 8.11%
การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO มาจากวิธีการสำรวจปริมาณความต้องการซื้อหุ้นสามัญของผู้ลงทุนสถาบันในแต่ละระดับราคา (Book Building) คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio: PE Ratio) ที่ 35.03 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2563 ถึง 31 ธันวาคม 2563) หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายครั้งนี้ (Fully Diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 1.04 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้ TIDLOR มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 20% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท หลังจากการหักภาษีและจัดสรรทุนสำรองต่างๆ ทุกประเภทที่กฎหมายและบริษัทกำหนด
พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ