หมายเหตุ: บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาของภาพยนตร์ Thunderbolts*
เข้าฉายไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับ Thunderbolts* ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดจาก Marvel Studios กับการเปิดตัวทีมใหม่ของจักรวาล MCU ที่ดูจะเข้ากันไม่ค่อยได้แถมไม่มีพลังเหนือมนุษย์แต่ต้องมาปกป้องโลกร่วมกัน โดยได้ทีมนักแสดงที่แฟนๆ คุ้นหน้ากลับมารับบทเดิมอีกครั้ง นำโดย Florence Pugh, Sebastian Stan, David Harbour, Hannah John-Kamen, Wyatt Russell, Olga Kurylenko, Julia Louis-Dreyfus พร้อมด้วย Lewis Pullman จาก Top Gun: Maverick (2022) มารับบทเป็น Bob หรือ Sentry
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อเหล่าทหารรับจ้างอย่าง Yelena (Florence Pugh), Ava หรือ Ghost (Hannah John-Kamen), John Walker (Wyatt Russell) และ Taskmaster (Olga Kurylenko) ได้รับคำสั่งจาก Valentina (Julia Louis-Dreyfus) ให้ไปทำภารกิจลอบสังหาร ณ ฐานลับแห่งหนึ่ง ก่อนจะพบว่านี่เป็นแผนของ Valentina ที่ต้องการฆ่าทุกคนทิ้ง แต่นั้นก็ทำให้พวกเขามาเจอกับ Bob (Lewis Pullman) ชายหนุ่มที่เข้าร่วมการทดลองจนมีพลังเหนือมนุษย์
ขณะเดียวกัน Bucky (Sebastian Stan) และ Alexei (David Harbour) ที่รู้แผนการของ Valentina จึงต้องออกเดินทางตามหาพวก Yelena จนเป็นจุดเริ่มต้นของกลุ่มนักฆ่าที่ไม่ถูกกันแต่กลับต้องมาร่วมมือกันเพื่อปกป้องโลกจากภัยร้ายครั้งใหม่
เรียกได้ว่าผลงานภาพยนตร์และซีรีส์จาก Marvel Studios ในช่วงหลังจะเริ่มกลับมาคืนฟอร์มอีกครั้ง ทั้ง Deadpool & Wolverine ที่กวาดรายได้และเสียงชื่นชมจากทั้งนักวิจารณ์และผู้ชมไปอย่างเนืองแน่น, Captain America: Brave New World ที่นำเสนอเรื่องราวของ Sam Wilson และทีมของเขาได้อย่างน่าสนใจ หรือทางฝั่งซีรีส์อย่าง Agatha All Along (2024) และ Daredevil: Born Again (2025) ที่เพิ่งฉายซีซันแรกจบไปหมาดๆ ก็ได้กระแสตอบรับจากแฟนๆ ที่ดีไม่น้อยเช่นกัน
ขณะเดียวกัน เมื่อเราได้เห็นตัวอย่างของ Thunderbolts* และ The Fantastic Four: First Steps รวมถึงข่าวคราวของ Avengers: Doomsday ที่ทยอยออกมาเรื่อยๆ ก็ยิ่งทำให้ผู้เขียนเริ่มกลับมา ‘ตื่นเต้น’ กับทิศทางของจักรวาล MCU อีกครั้ง โดยเฉพาะกับ Thunderbolts* ที่ทั้งตัวอย่างและการโปรโมตที่ลำดับรายชื่อทีมงานจากภาพยนตร์ของ A24 ไว้อย่างเนืองแน่น ก็ทำให้เราอดไม่ได้ที่จะคาดหวังและตั้งตารอที่จะได้ตีตั๋วไปชมผลงานเรื่องนี้
และดูเหมือนว่าภารกิจปกป้องโลกของเหล่าฮีโร่จำเป็นทีมนี้จะไม่ได้มอบความบันเทิงกับเราเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับเรื่องราวของเหล่าตัวละครที่เปี่ยมไปด้วยหัวใจอีกด้วย
สำหรับผู้เขียน Thunderbolts* ให้บรรยากาศคล้ายๆ กับเรากำลังดู Guardians of the Galaxy (2014) ภาคแรกที่เล่าถึงการรวมตัวของกลุ่มคนที่ดูจะเข้ากันไม่ได้ แต่ละคนต่างก็มีความเทาๆ ไม่สมบูรณ์แบบและดูจะไม่สามารถเป็นฮีโร่ที่ปกป้องใครได้
แต่สิ่งที่ Thunderbolts* แตกต่างไปจาก Guardians of the Galaxy เห็นจะเป็นบรรยากาศของเรื่องที่ดู ‘ติดดิน’ มากกว่า ไม่ได้มีฉากต่อสู้บนอวกาศสุดตระการตา เสื้อผ้าหน้าผมของตัวละครที่เท่แต่ก็ไม่ได้โดดเด่น พูดถึงเรื่องราวที่ไม่ได้ใหญ่โตนัก ประกอบกับว่าเกือบทุกตัวละครที่ปรากฏตัวต่างก็เป็นตัวละครที่เรารู้จักอยู่แล้ว มันจึงทำให้ Thunderbolts* ดูจะใกล้ชิดกับผู้ชมและจับต้องได้มากกว่า
พอบรรยากาศของเรื่องถูกเซ็ตให้เป็นแบบนี้จึงค่อนข้างเอื้อให้เราเกาะติดไปกับเหล่าตัวละครหลักได้ไม่ยาก โดยเฉพาะกับประเด็นที่ผู้กำกับและทีมสร้างเลือกมานำเสนอคือการต้องเผชิญกับบาดแผลในอดีตที่ไม่อาจลบให้หายไป
ทั้ง Yelena กับการสูญเสียเป้าหมายของตัวเองจนดูเหมือนว่าเธอจะเริ่มใช้ชีวิต อย่างโดดเดี่ยวไปวันๆ พร้อมกับการต้องเผชิญกับบาดแผลในอดีตที่ยังคงตามมาหลอกหลอน ทั้งการสูญเสียพี่สาวที่รักและการคร่าชีวิตผู้คนไปมากมายในฐานะของ Widow หรือจะเป็นพ่อของเธออย่าง Alexei ที่ยังคงยึดติดอยู่กับความสำเร็จในอดีตในฐานะของ Red Guardian และความล้มเหลวในฐานะพ่อ
ขณะที่ John Walker หลังจากเหตุการณ์ใน The Falcon and the Winter Soldier (2021) ก็ดูเหมือนว่าชีวิตของเขาจะพังลงไม่เป็นท่าจากความผิดพลาดที่เขาก่อขึ้น ส่วน Ava แม้ตัวภาพยนตร์จะได้โฟกัสกับเรื่องราวของเธอมากเท่ากับคนอื่นๆ แต่ความโดดเดี่ยวที่เธอต้องเผชิญมาตั้งแต่วัยเด็ก (แถมเธอยังไม่ได้เลือกเองอีกต่างหาก) ก็ปลูกปั้นให้เธอกลายเป็นตัวเธอในปัจจุบัน รวมถึง Bob ที่ต้องเผชิญกับความรุนแรงในครอบครัวมาตั้งแต่เด็กจนทำให้ชีวิตของเขาเป๋ไปไม่น้อย แถมตอนที่เขาพยายามจะเป็นคนที่ดีขึ้น เขาก็ถูกหลอกให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการสร้างยอดมนุษย์เสียอีก
เรื่องราวของพวกเขาที่ถูกนำเสนอมาได้น่าสนใจเหล่านี้ทำให้ตัวละครสวมชุดฮีโร่ทีมนี้มีความเป็นมนุษย์ที่เราสามารถจับต้องและรู้สึกร่วมไปกับพวกเขาได้ไม่ยาก เพราะบางครั้งเราเองก็เคยจมปลักอยู่กับความผิดพลาดในอดีตที่ไม่อาจไปแก้ไข หรือบางครั้งเราก็ต้องเผชิญกับความโดดเดี่ยวและต้องการใครสักคนคอยรับฟังความรู้สึกของเรา
และสำหรับเหล่าทีม Thunderbolts ก็ได้ Bucky ที่เข้าใจความรู้สึกของพวกเขามากที่สุดคอยช่วยเตือนสติและดึงให้พวกเขากลับมาโฟกัสกับปัจจุบันมากกว่าจะจมอยู่กับอดีตแบบเดียวกับที่เขาเคยเป็น รวมถึง Bob เองก็ได้ Yelena เข้ามารับฟังเรื่องราวของเขาอย่างจริงใจ แตกต่างจาก Valentina ที่รับฟังเขาเพียงเพื่อใช้ประโยชน์เท่านั้น
ไม่มากก็น้อย เรื่องราวของ Thunderbolts* อาจกำลังสื่อสารกับผู้ชมอย่างตรงไปตรงมา (แต่แฝงไปด้วยความเข้าใจ) ว่าอย่าลืมที่จะ ‘รับฟัง’ และ ‘โอบกอด’ กันและกัน เพราะเรื่องราวบางอย่างหรือบางความรู้สึก เราก็ไม่อาจข้ามผ่านมันไปได้เพียงลำพัง เช่นเดียวกับบทสนทนาระหว่าง Yelena และ Alexei ที่ต่างก็คิดว่าอีกฝ่ายทอดทิ้งหรือไม่อยากพบหน้า แต่ความจริงแล้วพวกเขากลับต้องการกันและกันมากกว่าที่คิด
นอกจากเรื่องราวของตัวละครที่ทำให้เราตกหลุมรักพวกเขาได้อย่างอยู่หมัด Thunderbolts* ยังเป็นภาพยนตร์ที่มอบความบันเทิงแก่ผู้ชมได้อย่างครบรส ทั้งคาแรกเตอร์ของแต่ละตัวละครที่จัดจ้านในแบบของตัวเอง แต่พวกเขาต้องมาร่วมมือกันก็โดดเด่นและมีเสน่ห์ไปอีกแบบ รวมถึงบทสนทนาของตัวละครที่คอยจิกกัดกันแบบไม่มีพักก็สร้างเสียงหัวเราะให้เราได้กำลังพอดี ตีบวกด้วยฉากแอ็กชันที่แม้จะไม่ได้ใหญ่โตเท่าผลงานเรื่องอื่นๆ แต่ทีมสร้างก็ออกแบบฉากต่างๆ ออกมาได้เท่และดูสนุกตลอดทั้งเรื่อง
ในภาพรวมแล้ว หากผู้เขียนต้องจัดอันดับภาพยนตร์ MCU เฟส 5 ที่ชื่นชอบ Thunderbolts* น่าจะเป็นผลงานที่ก้าวขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งควบคู่กับ Guardians of the Galaxy Vol. 3 ได้เป็นที่เรียบร้อย ทั้งเคมีของตัวละครที่ถูกผสมรวมกันได้อย่างลงตัวจนเราอยากจะเห็นว่าบทบาทของพวกเขาใน Avengers: Doomsday จะเป็นอย่างไรต่อ ขณะเดียวกันตัวภาพยนตร์ก็ยังมีเรื่องราวของตัวเองที่แข็งแรง และเปี่ยมไปด้วยหัวใจ
Thunderbolts* เข้าฉายแล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์
ภาพ: Marvel