เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 บมจ.ไทยรับประกันภัยต่อ (THRE) รายงานกำไรสุทธิ 3Q66 จำนวน 56 ล้านบาท ฟื้นตัวจากการขาดทุน 22 ล้านบาทใน 2Q66 (เบี้ยประกันภัยต่อรับเติบโตดี, Combined Ratio ลดลงมาก) และลดลง 5%QoQ (Combined Ratio เพิ่มขึ้นเล็กน้อย, รายได้เงินลงทุนลดลงตามฤดูกาล)
รายการที่สำคัญใน 3Q66 ดังนี้
- Combined Ratio ลดลง 923 bps YoY แต่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 31 bps QoQ สู่ 96.68% ใน 3Q66 อัตราค่าสินไหมทดแทนลดลง 776 bps YoY และ 38 bps QoQ สู่ 47.44% อัตราค่าบำเหน็จเพิ่มขึ้น 89 bps YoY และ 29 bps QoQ สู่ 41.73% InnovestX Research ปรับประมาณการ Combined Ratio ปี 2566 เพิ่มขึ้น 40 bps สู่ 97.4% และปี 2567 เพิ่มขึ้น 70 bps สู่ 96.7% เพื่อสะท้อนผลประกอบการ 3Q66
- เบี้ยประกันภัยต่อรับสุทธิเพิ่มขึ้น 32%YoY และอยู่ในระดับทรงตัว QoQ จากการขยายตัวทั้งในส่วนของ Personal Line และ Commercial Line การเติบโตอย่างแข็งแกร่ง YoY สะท้อนถึงการได้รับประโยชน์จากการที่ตลาดประกันภัยต่อโดยรวมยังอยู่ในสภาวะ ‘Hard Market’ (อัตราเบี้ยประกันภัยต่อรับสูงขึ้น) เบี้ยประกันภัยต่อที่ถือเป็นรายได้สุทธิเพิ่มขึ้น 20%YoY และ 4%QoQ
InnovestX Research ปรับประมาณการการเติบโตของเบี้ยประกันภัยต่อที่ถือเป็นรายได้สุทธิเพิ่มขึ้นจาก 11% สู่ 12% ในปี 2566 (คาดว่าทรงตัว QoQ ใน 4Q66) และจาก 12% สู่ 14% ในปี 2567 โดยอิงกับประกันภัยต่อที่ถือเป็นรายได้สุทธิระดับสูงใน 9M66
- ROI เพิ่มขึ้น 15 bps YoY (อัตราผลตอบแทนจากเงินลงทุนสูงขึ้น) แต่ลดลง 126 bps QoQ (รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลลดลงตามฤดูกาลและขาดทุนจากเงินลงทุนทรงตัว) สู่ 1.48%
กระทบอย่างไร:
ตั้งแต่การรายงานผลประกอบการ 3Q66 ราคาหุ้น THRE ปรับขึ้น 9.21% สู่ระดับ 0.83 บาท ขณะที่ SET Index ปรับขึ้น 1.94% สู่ระดับ 1,412.98 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2566:
InnovestX Research ปรับประมาณการกำไรของ THRE ลดลง 3% ในปี 2566 และ 7% ในปี 2567 เพื่อสะท้อนผลประกอบการ 3Q66 หลักๆ คือ Combined Ratio กำไร 9M66 คิดเป็น 67% ของประมาณการกำไรเต็มปี และคาดว่ากำไร 4Q66 จะเพิ่มขึ้นมาก YoY (เบี้ยประกันภัยต่อรับเติบโตแข็งแกร่ง และ Combined Ratio ดีขึ้น) และจะอยู่ในระดับทรงตัว QoQ (ค่อนข้างทรงตัวในทุกด้าน)
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ราคาหุ้น THRE ที่ปรับตัวลดลง 36% ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาเปิดโอกาสให้ช้อนซื้อหุ้นในราคาถูกและหนุนให้ปรับเรตติ้งขึ้นสู่ Outperform ในขณะที่ปรับราคาเป้าหมายลดลงจาก 1.1 บาท สู่ 0.9 บาทต่อหุ้น (PBV 1 เท่า หรือ P/E 16 เท่า สำหรับปี 2567) เพื่อสะท้อนการปรับประมาณการกำไรลดลง
ขณะที่ในปี 2567 คาดว่า THRE จะรายงานกำไรฟื้นตัวดีอย่างต่อเนื่องที่ 34% โดยได้รับการสนับสนุนจากการคาดการณ์ว่าเบี้ยประกันภัยต่อรับจะเติบโต 14% Combined Ratio จะลดลง 50 bps ไม่มีการตั้งสำรองเพิ่มเติมสำหรับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิดเกิดขึ้นอีก และ ROI จะเพิ่มขึ้น 72 bps จากอัตราผลตอบแทนจากเงินลงทุนที่ดีขึ้นและไม่มีขาดทุนจากเงินลงทุน
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ ภาวะเงินเฟ้อสร้างแรงกดดันต่อกำลังซื้อของลูกค้า ความผันผวนของตลาดทุน และการเปลี่ยนแปลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล