Thor: Love and Thunder หรือ ธอร์: ด้วยรักและอัสนี ภาพยนตร์ภาคที่ 4 ของฮีโร่ที่แข็งแกร่งที่สุดในทีม Avengers อย่าง Thor ซึ่งยังคงได้ Taika Waititi ผู้แต่งแต้มสีสันให้กับเรื่องราวของเทพเจ้าฟ้าที่ดูลุ่มๆ ดอนๆ ในช่วงแรก ให้กลับมาเฉิดฉายอีกครั้งใน Thor: Ragnarok (2017) กลับมานั่งแทนผู้กำกับเช่นเดิม และเสริมทัพด้วย Christian Bale นักแสดงเจ้าบทบาทที่แฟนๆ ฮีโร่ DC รู้จักเขาเป็นอย่างดีจาก The Dark Knight Trilogy มารับบทเป็น Gorr the God Butcher ตัวร้ายหลักในภาคนี้
ภาพยนตร์จะพาผู้ชมไปติดตามการเดินทางครั้งใหม่ของ Thor (Chris Hemsworth) ที่ตัดสินใจออกเดินทางไปกับทีม Guardian of the Galaxy เพื่อทำภารกิจพิทักษ์จักรวาล แต่แล้วจู่ๆ ก็มีข่าวคราวเกี่ยวกับเหล่าทวยเทพถูกสังหารมากขึ้นผิดปกติ ก่อนที่ Thor จะพบว่าผู้ลงมือสังหารเทพทั้งหมดคือ Gorr the God Butcher (Christian Bale) เขาจึงรีบรุดหน้ากลับไปยังนิวแอสการ์ดเพื่อปกป้องประชาชนจากน้ำมือของ Gorr และนั่นก็นำพาให้เขาโคจรมาพบกับ Jane Foster (Natalie Portman) อดีตแฟนสาวที่ตอนนี้เธอกำลังถือค้อนโยเนียร์ทุบตีปีศาจปริศนาจนทำให้เขาประหลาดใจ การผจญภัยครั้งใหม่ของ Thor ที่ต้องหยุดยั้ง Gorr the God Butcher เพื่อปกป้องเหล่าทวยเทพจึงเริ่มต้นขึ้น
ถ้าจะกล่าวให้ทุกคนเห็นภาพรวมแบบเร็วๆ เราคิดว่า Thor: Love and Thunder เป็นภาพยนตร์ที่สนุกสนานตามขนบของภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่เช่นเดิม กล่าวคือผู้กำกับและทีมสร้างยังคงปรุงแต่งเรื่องราวการผจญภัยของ Thor ออกมาได้อย่างสนุกสนานชวนติดตาม มีประเด็นหนักๆ ของตัวละครให้เราได้เข้าไปสำรวจ และคลุกเคล้าด้วยมุกตลกขบขันที่ยังคงสร้างเสียงหัวเราะให้กับเราได้เป็นอย่างดี
โดยจุดเด่นข้อหนึ่งที่เราชื่นชอบเป็นการส่วนตัว คือการขยายเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่าง Thor และ Jane ที่เข้ามาเติมเต็มช่องว่างที่ทุกคนตั้งคำถาม ซึ่งตัวผู้กำกับและทีมสร้างก็นำเสนอเรื่องราวของทั้งคู่ด้วยกลิ่นอายของความโรแมนติกคอเมดี้ที่ทำให้เราต้องอมยิ้มไปกับเรื่องราวของเขาและเธอได้เป็นอย่างดี
โดยเฉพาะการสร้างสรรค์คาแรกเตอร์ของ Jane Foster ที่มีมิติน่าสนใจมากขึ้นกว่าสองภาคแรกหลายเท่าตัว ไล่ตั้งแต่เสื้อผ้าหน้าผมที่รังสรรค์ให้ Natalie Portman กลายเป็น Mighty Thor สุดเท่ ประเด็นของการเป็น ‘ฮีโร่มือใหม่’ ที่เสริมให้เนื้อหาของภาพยนตร์มีสีสันมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นการกลับมาอีกครั้งของ Natalie Portman ที่สมการรอคอยของแฟนๆ จริงๆ
ส่วนตัวละครที่เราชื่นชอบมากที่สุดเห็นจะเป็น Gorr the God Butcher ซึ่งถือเป็นหนึ่งในตัวร้ายหลักจากจักรวาล MCU ที่ไม่ได้มีดีแค่ภาพลักษณ์อันโหดเหี้ยมและพลังอำนาจล้นเหลือ แต่ยังมาพร้อมกับภูมิหลังของตัวละครอันลุ่มลึกให้ผู้ชมได้เข้าไปสำรวจ โดยเฉพาะสาเหตุสำคัญที่ผลักดันให้เขาออกเดินทางสังหารเหล่าทวยเทพ ที่ผู้กำกับและทีมสร้างสามารถปูปมปัญหาที่ Gorr ต้องเผชิญออกมาได้หนักแน่นมากพอ จนสามารถชักชวนให้ผู้ชมเข้าใจในการกระทำของเขา ซึ่งเราต้องยกเครดิตให้กับการแสดงของ Christian Bale ที่ถ่ายทอดความเจ็บปวดและเคียดแค้นที่ Gorr ต้องแบกรับให้ผู้ชมมีความรู้สึกร่วมไปกับตัวละครได้อย่างยอดเยี่ยม
อย่างไรก็ตาม ดังที่เรากล่าวไว้ในตอนต้นว่า Thor: Love and Thunder คือผลงานที่สนุกสนานตามขนบของภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ ในอีกแง่มุมหนึ่งมันจึงส่งผลให้ภาพยนตร์ไม่ได้มีเรื่องราวหรือรูปแบบการนำเสนอที่เกินความคาดหมายของเราเท่าไร ทั้งการดำเนินเรื่องในฉบับภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ที่เราคุ้นเคยเป็นอย่างดี ฉากแอ็กชันน้อยใหญ่ที่สร้างสรรค์ออกมาได้ตามมาตรฐาน
ซึ่งหากเราลองย้อนกลับไปมองหลายผลงานก่อนหน้าของจักรวาล MCU เฟสที่ 4 เราจะสังเกตเห็นว่าทาง Marvel Studios พยายามปรับเปลี่ยนรูปแบบกลวิธีนำเสนอให้มีความแตกต่างหลากหลายมากขึ้นกว่าที่เคย เช่น Eternals (2021) ของผู้กำกับ Chloé Zhao ที่ลดทอนความตลกขบขันลงอย่างชัดเจน และมีการนำเสนอที่แตกต่างไปจากผลงานอื่นๆ หรือจะเป็น Doctor Strange in the Multiverse of Madness (2022) ของผู้กำกับ Sam Raimi ที่ผสมผสานความสยองขวัญเข้ากับการเป็นหนังฮีโร่ได้อย่างลงตัว
ดังนั้นแล้ว Thor: Love and Thunder จึงกลายเป็นภาพยนตร์ที่ดูสนุก แต่ก็ไม่ได้มีจุดที่โดดเด่นมากนักเมื่อเทียบกับผลงานอื่นๆ ที่ผ่านมา (มีอยู่หลายช่วงเหมือนกันที่เรารู้สึกว่า Thor: Love and Thunder มีการนำเสนอที่ไม่ได้แตกต่างไปจาก Thor: Ragnarok เท่าไรนัก)
อีกหนึ่งประเด็นที่เรารู้สึกเสียดายเป็นการส่วนตัว คือเรื่องราวของ Thor กับประเด็นการออกตามหาสมดุลของชีวิตที่ถูกปูเอาไว้อย่างน่าสนใจตั้งแต่ตัวอย่าง แต่ผู้กำกับและทีมสร้างกลับไม่ได้หยิบประเด็นดังกล่าวมาขยายความอย่างชัดเจน มันจึงทำให้บทบาทของ Thor ในภาคนี้ไม่ชวนให้เราติดตามเท่าที่ควรจะเป็น
ในภาพรวมแล้ว Thor: Love and Thunder จึงเป็นภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่จากจักรวาล MCU ที่ยังคงทำหน้าที่มอบความบันเทิงให้กับผู้ชมได้ดีเช่นเดิม รวมถึงการสร้างสรรค์ตัวละคร Gorr the God Butcher ออกมาได้อย่างมีเสน่ห์ และการกลับมาอีกครั้งของ Natalie Portman ในบทบาทของ Jane Foster หรือ Mighty Thor ที่โดดเด่นชวนติดตามมากกว่าสองภาคแรก ขณะเดียวกัน ตัวภาพยนตร์อาจจะไม่ได้มีเสน่ห์หรือรสชาติที่แตกต่างไปจากผลงานก่อนหน้าของ Marvel Studios เท่าไรนัก
Thor: Love and Thunder เข้าฉายอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์
รับชมตัวอย่างได้ที่นี่