สัมภาษณ์พิเศษ ซนเยจิน-ชอนมีโด-คิมจีฮยอน ซีรีส์ Thirty-Nine ที่เราต่างเสียน้ำตาให้กันและกัน

Thirty-Nine เดินทางมาถึงอีพี 12 ซึ่งเป็นตอนสุดท้ายของซีรีส์ค้นหาความหมายวัย 39 โดยชื่อตอนในอีพี 12 ใช้ชื่อว่า ‘ซัมซองดง, ฮโยซังดง และโกชองดง ย่านบ้านของ ชามีโจ, จองชางยอง และ จางจูฮี สอดแทรกความหมายด้านความแตกต่างระหว่าง 3 ตัวละครที่กลับกลายมาเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของกันและกัน

THE STANDARD POP ได้โอกาสพิเศษในการสัมภาษณ์ ซนเยจิน ชอนมีโด และ คิมจีฮยอน เกี่ยวกับการทำงานในซีรีส์ Thirty-Nine ที่กลายเป็นซีรีส์อบอุ่นหัวใจ จนทำให้เราต้องเสียน้ำตาไปพร้อมๆ กันทั้งความสุขและเศร้า

และนี่คือสิ่งที่นักแสดงทั้ง 3 คนได้เรียนรู้จากการทำงานในซีรีส์เรื่องนี้ การถ่ายทอดชีวิตจิตใจของผู้หญิงในวัย 39 ที่เป็นทั้งตัวตนพวกเธอเองและตัวละครที่ต่างเกิดในปีเดียวกัน เป็นเพื่อนกัน และยอมเจ็บแทนกันได้

บทความที่เกี่ยวข้อง:

ซนเยจิน รับบท ชามีโจ ผู้อำนวยการคลินิกแพทย์ผิวหนัง เธอเป็นบุตรบุญธรรมที่เติบโตในครอบครัวที่แสนอบอุ่น แต่ถึงอย่างนั้นเธอยังคงมีสิ่งที่เว้าแหว่งอยู่ภายในใจ ที่ผ่านมา ชามีโจ เคยคบหาผู้ชายอยู่ 2-3 ครั้ง ซึ่งลงท้ายด้วยการเลิกรา เพราะเธอไม่เคยเปิดเผยความรู้สึกข้างในหรือแบ่งปันความเจ็บปวดให้กับพวกเขา อาจเป็นเพราะความกลัวการแต่งงาน ความกลัวในการต้องสร้างครอบครัว ที่เธอไม่แน่ใจเลยว่าจะทำมันได้ดีหรือเปล่า

มีโจฝันอยากไปเรียนตีกอล์ฟที่แคลิฟอร์เนีย สำหรับคุณเองในวัย 39 มีความฝันอะไรที่อยากทำให้สำเร็จ อยากให้เล่าถึงความฝันนั้นให้ฟังหน่อย

ซนเยจิน: จริงๆ แล้วฉันอายุเลย 39 แล้วนะคะ เพราะอย่างนั้นเลยไม่มีความฝันที่อยากจะทำให้สำเร็จในตอนนี้ การใช้ชีวิตในทุกๆ วันก็เป็นเหมือนของขวัญให้ตัวเองอยู่แล้ว นี่คงเป็นสิ่งที่ฉันกำลังโฟกัสอยู่ในตอนนี้ค่ะ

คุณเป็นคนที่สวยมากๆ แม้แต่ตอนร้องไห้ สำหรับประสบการณ์การร้องไห้ในซีรีส์กว่า 20 ปี ฉากตอนร้องไห้ยังยากสำหรับคุณอยู่ไหม และในซีรีส์เรื่องนี้ โดยเฉพาะท้ายอีพี 6 คุณร้องไห้ราวกับแหลกสลายออกมาแบบนั้นได้อย่างไร

ซนเจยิน: ฉากร้องไห้ยังคงยากและท้าทายตัวฉันเองอยู่ตลอดนะคะ บางครั้งฉันก็รู้สึกร่วมกับอารมณ์ตัวละครอย่างเป็นธรรมชาติ แต่มีบางครั้งที่มันยากมากที่จะบังคับให้ตัวเองคงอยู่ในอารมณ์เศร้าแบบนั้น

ในช่วงท้ายของอีพี 6 ฉันเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในความรู้สึกเดียวกับมีโจได้จริงๆ หัวใจฉันเจ็บปวดเพราะเข้าใจว่าแม่ของชานยอง พี่จินซอก และซอนจู ต่างรู้สึกอย่างไร และในเวลานั้นการแสดงออกมายังจะต้องเกี่ยวกับอาการแพนิกของมีโจที่เกิดขึ้น ฉันจำได้เลยค่ะว่าตัวเองกลายเป็นมีโจไปเลยในฉากนั้น ทั้งๆ ที่ตอนถ่ายทำก็ค่อนข้างดึกมากแล้ว

แฟนๆ ซีรีส์ที่เมืองไทย โดยเฉพาะที่อยู่ในวัย 39 น่าจะมีปัญหาชีวิตใกล้เคียงกับตัวละครใดสักคนในเรื่อง Thirty-Nine คุณคิดว่าการได้ดูซีรีส์ Thirty-Nine จะช่วยเยียวยาชีวิตจิตใจพวกเขาได้อย่างไร

ซนเจยิน: ฉันคิดว่าการที่คนในวัย 20 หรือในวัย 30 ต่างก็ไม่ได้แก้ปัญหาในชีวิตได้เก่งกว่ากัน ฉันหวังว่าผู้คนคงไม่ผิดหวังถ้าวันหนึ่งพวกเขาก็ยังไม่ได้ก้าวหน้า ประสบความสำเร็จ หรือมีจิตใจที่เข้มแข็ง ทั้งที่อายุเดินทางไปถึงช่วงปลาย 30 แล้วก็ตาม

ด้วยความที่ผ่านเวลาทั้งช่วงอายุ 20-30 มาแล้ว ฉันคิดว่ามันสำคัญมากๆ ที่เราควรจะใช้เวลาที่ผ่านไปให้คุ้มค่าที่สุดค่ะ

ชอนมีโด รับบท จองชานยอง ครูสอนการแสดงวัย 39 ปี ที่เพิ่งรู้ข่าวร้ายว่าตัวเองเป็นโรคมะเร็งตับอ่อนระยะสุดท้าย แม้จะเป็นข่าวร้ายที่ยากจะยอมรับ แต่มันเป็นสิ่งที่ผลักดันให้ชานยองได้ทำในสิ่งที่ต้องการ ทั้งเรื่องงานแสดงที่เธอรักมากๆ แต่กลับยังไม่ได้สานต่อความฝัน ด้วยเวลาที่เหลืออยู่น้อยลงทุกที สิ่งที่เคยคิดว่าจะรอทำ กลับเป็นสิ่งที่ต้องนำมาลำดับความสำคัญใหม่ ทั้งเรื่องความฝันด้านการแสดงของตัวเอง พ่อแม่ที่เปิดร้านอาหาร ความรักที่ไม่เคยได้เป็นเจ้าของ และเพื่อนสนิทสองคนที่จะใช้ชีวิตที่เหลือต่อไปอย่างไร

เราเห็นในอีพีแรกๆ ตอนที่ชานยองสอนเรื่องการแสดง มีการจดโน้ตในบทเยอะมากๆ อยากรู้ว่าในชีวิตการแสดงจริงๆ สมุดบทซีรีส์ Thirty-Nine ของคุณมีจดโน้ตแบบนั้นไหม และคุณตีความตัวละครชานยอง ใช้เวลาวิเคราะห์นานหรือไม่ อย่างไร

ชอนมีโด: เวลาที่ฉันเตรียมตัวสำหรับการแสดงในชีวิตจริง ฉันคล้ายกับชานยองมากๆ เลยค่ะ บทที่ชานยองใช้สอนการแสดงก็เหมือนกับสมุดบทของฉันที่เต็มไปด้วยเครื่องหมาย การเน้นย้ำ หรือการทำความเข้าใจแบบนั้นเลยค่ะ

ฉันประทับใจในตัวชานยองมากตรงที่เธอเป็นคนจริงจังกับชีวิตมากๆ แต่คำพูดที่ตรงไปตรงมาและความไม่สมบูรณ์แบบกลับทำให้เธอเป็นมนุษย์คนหนึ่ง ฉันเองพยายามวิเคราะห์และตีความตัวละครชานยองจนถึงวันที่เราถ่ายทำเสร็จแล้ว

ในวัย 39 เรื่องอะไรที่คุณกังวลที่สุด และจัดการกับความกังวลนั้นอย่างไร อยากให้แชร์ให้เพื่อนหญิงพลังหญิงที่ไทยฟังสักหน่อย

ชอนมีโด: ฉันอยากลองทำอะไรใหม่ๆ และสำรวจออกไปนอกคอมฟอร์ตโซนของตัวเอง นี่เป็นเหตุผลที่ฉันรับงานแสดงซีรีส์ โดยเฉพาะกับซีรีส์ Hospital Playlist ที่เป็นผลงานเดบิวต์ซีรีส์

คิมจีฮยอน รับบท จางจูฮี หญิงสาวขี้อายที่ต้องลาออกจากวิทยาลัยเพราะแม่ป่วยด้วยโรคมะเร็ง ปัญหาสุขภาพของแม่ ซ้ำร้ายด้วยการเสียชีวิตของพ่อ ทำให้จูฮีและแม่ต้องใช้เงินประกันของพ่ออย่างประหยัดที่สุด จูฮีเข้าทำงานเป็นพนักงานขายเครื่องสำอาง ก่อนจะขึ้นเป็นผู้จัดการ ใช้ชีวิตเรียบง่ายกับแม่สองคน จนกระทั่งอายุ 39 ปี ปีที่เธอเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งยิ่งใหญ่ ทั้งเรื่องการทำงานและความรักครั้งแรก โดยมีเพื่อนสนิทอย่างมีโจและชานยองคอยอยู่ข้างๆ ในทุกอย่างที่เกิดขึ้น

แฟนซีรีส์ชาวไทยเพิ่งรู้จัก คิมจีฮยอน อย่างเป็นทางการจากซีรีส์ Hometown Cha-Cha-Cha แต่พอมาดูคุณใน Thirty Nine เรียกว่าพลิกคาแรกเตอร์เลย เพราะคุณมีมุมของความเป็นผู้หญิงที่แตกต่างออกไป เราเลยสงสัยว่าจริงๆ แล้วคุณเป็นคนที่ใกล้เคียงกับคาแรกเตอร์ไหนมากกว่ากัน หรือแตกต่างออกไปเลย

คิมจีฮยอน: ฉันคล้ายกับซอนอาในซีรีส์ Hometown Cha-Cha-Cha ในพาร์ตที่ก่อนจะเกิดอุบัติเหตุนั้นนะคะ ฉันเป็นผู้หญิงแบบนั้นเลย คนที่มีความสุขในการดูแลคนอื่นอย่างนั้นค่ะ แต่สำหรับตัวฉันเองเรียกว่าไม่มีความขี้เล่นแบบที่จูฮีมีเลย

ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนใน Thirty Nine เหนียวแน่นมากๆ ทุกครั้งที่ดูซีรีส์เรามักย้อนถามตัวเองว่ามีเพื่อนที่ดีหรือเราเป็นเพื่อนที่ดีได้เท่าพวกคุณในเรื่องหรือยัง อยากให้เล่าถึงความสัมพันธ์ของพวกคุณ 3 คนในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

คิมจีฮยอน: พวกเรา 3 คนสนิทกันมากช่วงการถ่ายทำค่ะ สนิทกันขนาดที่ว่าพวกเรามีความสุขอย่างแท้จริงตอนที่ได้อยู่ด้วยกัน เคมีของพวกเรายอดเยี่ยมมาก เพราะแค่มองหน้ากันเราก็รู้แล้วว่าอีกคนกำลังคิดอะไรอยู่

ก็ต้องบอกว่าระหว่างการถ่ายทำซีรีส์ Thirty-Nine พวกเราสนุกกันมากๆ ยิ่งตอนที่เราทั้งสามคนอยู่ในฉากเดียวกัน พวกเราแค่หัวเราะและคุยกันอย่างสนุกเลยค่ะ

Thirty-Nine เป็นซีรีส์ความยาว 12 ตอน ผลงานกำกับโดย คิมซังโฮ ผู้ช่วยผู้กำกับจากซีรีส์ Run-On เล่าถึงความสัมพันธ์ของเพื่อนผู้หญิง 3 คน ในวัย 39 ปี เมื่อเกิดจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในความสัมพันธ์ของพวกเธอ ปีที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและหยดน้ำตา แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นความทรงจำที่งดงาม

ชมตัวอย่างซีรีส์ Thirty-Nine ได้ที่