ปิดฉากเป็นที่เรียบร้อยสำหรับการประชุมเต็มคณะครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 20 หรือ Third Plenum ซึ่งเป็นการประชุมของคณะทำงานที่มีอำนาจตัดสินใจสูงสุดขนาดใหญ่สุดของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่จะจัดขึ้นทุกๆ 5 ปี โดยมีเป้าหมายเพื่อกำหนดทิศทางนโยบายทางสังคมและเศรษฐกิจระยะยาวของประเทศ ซึ่งสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) จะจัดการแถลงข่าวเกี่ยวกับบทสรุปสาระสำคัญของการประชุม ในวันศุกร์นี้ (19 กรกฎาคม) ที่กรุงปักกิ่ง และจะมีการถ่ายทอดสดพร้อมกันทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งก็ออกมาประเมินท่าทีนโยบายของจีนในช่วง 5 นับจากนี้ว่า จะเป็นการมุ่งเน้นไปที่การเติบโตในเชิงคุณภาพ ดังนั้นตัวเลขการเติบโตของจีนนับจากนี้จะไม่ใช่การเติบโตในระดับสูงเหมือนเช่นในอดีตที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ในการประชุม ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงให้คำมั่นว่าจะทำให้ “การพัฒนาคุณภาพสูง” กลายเป็นพลังชี้นำเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก พร้อมแสดงให้เห็นสัญญาณเบื้องต้นบางประการที่แสดงว่าผู้นำระดับสูงกำลังเตรียมที่จะเปิดตัวขั้นตอนสำคัญในการกระตุ้นอุปสงค์ และผลักดันทรัพย์สินที่กำลังตกต่ำของจีนอยู่ในขณะนี้
แน่นอนว่าทิศทางนโยบายของสีจิ้นผิงได้รับการสนับสนุนจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนอย่างเต็มที่ โดยพรรคส่งสัญญาณว่าจีนจะยังคงดำเนินการตามแผนของสีที่จะใช้การผลิตขั้นสูงเพื่อสร้างการเติบโต โดยการมุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงภาคอุตสาหกรรมอาจเพิ่มความตึงเครียดทางการค้า หลังการส่งออกของจีนปริมาณมหาศาลกระตุ้นให้เกิดการเก็บภาษีใหม่จากสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป
สำนักข่าวซินหัว สื่อท้องถิ่นของทางการจีนรายงานอ้างอิงเจ้าหน้าที่รายหนึ่งซึ่งระบุว่า การพัฒนาคุณภาพเป็นภารกิจสูงสุดในการสร้างประเทศสังคมนิยมสมัยใหม่ สะท้อนถึงการเน้นย้ำคุณภาพของการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ความทะเยอทะยานของสีจิ้นผิง ที่จะยกระดับห่วงโซ่คุณค่าผ่านนวัตกรรมเทคโนโลยี และมีความยืดหยุ่นมากขึ้นต่อการจำกัดการค้าของสหรัฐฯ
Becky Li หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์มหภาคของจีนที่สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดกล่าวว่า จีนยังคงให้ความสำคัญอย่างมากต่อการเติบโตที่มีคุณภาพสูง ซึ่งหมายความว่าการอดทนต่อการเติบโตที่ช้าลงเล็กน้อยจะยังคงอยู่ ขณะที่เครื่องมือสำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นที่แข็งแกร่งยังคงอยู่ในระดับสูง
ทั้งนี้ การประชุมครั้งนี้ซึ่งล่าช้าจากปีที่แล้ว เกิดขึ้นในขณะที่ผู้กำหนดนโยบายของจีนพยายามดิ้นรนเพื่อจับกุมวิกฤตในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งประชาชนกักตุนความมั่งคั่งไว้เป็นจำนวนมาก ราคาบ้านที่ตกต่ำและตลาดงานที่อ่อนแอ ส่งผลให้จีนเข้าสู่ภาวะเงินฝืดยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 1999
โดยนอกจากพูดคุยเรื่องเศรษฐกิจแล้ว การประชุมยังหารือถึงการปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัย ซึ่งเป็นหนึ่งในวาระสำคัญของการประชุมครั้งนี้ โดยสอดคล้องกับคำมั่นของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่มุ่งปรับปรุงการดำเนินงานธรรมาภิบาลทางสังคม ตลอดจนกลไกความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกับระดับชาติและต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองโดยภาพรวมแล้ว นักวิเคราะห์ชี้ว่าการประชุม Third Plenum โดยรวม ไม่ได้ช่วยแก้ไขข้อกังวลใหญ่ๆ เช่น เศรษฐกิจจีนจะคลี่คลายได้หรือไม่ ซึ่งทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงลังเลที่จะลงทุนในจีนอย่างเต็มสูบเหมือนที่ผ่านมา
อ้างอิง: