เรียกได้ว่าตั้งแต่กลางปี 2020 เป็นต้นมา เป็นเสมือนช่วงเวลา ‘กระทิงดุ’ โดยแท้จริงสำหรับตลาดสกุลเงินดิจิทัล หรือ ‘คริปโตเคอร์เรนซี’ (Cryptocurrency) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงสกุลเงินดิจิทัลตัวแรกของโลกอย่าง ‘บิตคอยน์’ (Bitcoin) ที่เพิ่งผ่านวันเกิดอายุ 12 ขวบไปเมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา มิหนำซ้ำยังพุ่งทะลุเพดานราคาหลายต่อหลายรอบไปจนไปถึงเหรียญละหนึ่งล้านสองแสนบาทแล้ว
มีหลายกระแสที่วิเคราะห์ถึงสาเหตุที่ทำให้บิตคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลกลับมาเป็นกระแสอีกครั้งหลังจากนิ่งมาตั้งแต่ปี 2017 เช่น การเกิดขึ้นของระบบการเงินไร้ศูนย์กลาง (Decentralized Finance: DeFi) ที่เปิดโอกาสให้คนแปลกหน้าสามารถทำธุรกรรมการเงินร่วมกันได้โดยไม่ต้องอาศัยคนกลาง อัตราการเกิดที่ลดลงของบิตคอยน์ (Halving) ผลกระทบของโควิด-19 ที่เปิดโอกาสให้เทคโนโลยีกลุ่มการเงิน (Financial Technology: FinTech) และเศรษฐกิจดิจิทัลได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ไปจนถึงมุมมองด้านบวกและความเคลื่อนไหวใหม่ๆ จากผู้เชี่ยวชาญ นักลงทุน สถาบันทางการเงิน บริษัทมหาชน ที่หันมาสนใจในตลาดนี้มากยิ่งขึ้น
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม สิ่งที่สังเกตได้อย่างชัดเจนก็คือ การไหลเข้ามาของกลุ่มนักลงทุนที่สนใจในตลาดสกุลเงินดิจิทัลและบิตคอยน์ จนทำให้ศูนย์ซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินบางแห่งต้องหยุดชะงัก หรือบางแห่งต้องขอแจ้งปิดปรับปรุงเพื่อพัฒนาระบบ ดังนั้น จึงมีหลายคนเกิดคำถามว่า มีอะไรที่เราควรรู้บ้าง ก่อนเลือกลงทุนในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี
รู้จักตัวเอง
เช่นเดียวกับพื้นฐานการลงทุนในสินทรัพย์รูปแบบอื่นๆ ผู้ลงทุนควรเข้าใจตนเอง และมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการลงทุน เพราะเป้าหมายที่ชัดเจนนี้เองจะเป็นตัวกำหนดแนวทางการลงทุน การประเมินและบริหารความเสี่ยง รวมไปถึงทางเลือกในการลงทุนของผู้ลงทุน ซึ่งมีคำถามเบื้องต้น ยกตัวอย่างเช่น
- ท่ามกลางตัวเลือกการลงทุนมากมาย ทำไมเราเลือกมาลงทุนในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี
- ตัวเราเองมีความรู้หรือความเข้าใจเกี่ยวกับวงการนี้มากน้อยแค่ไหน
- เรามีเงินเย็น หรือเงินทุนเท่าไรที่จะนำมาลงทุนได้โดยไม่เดือดร้อน
- ตัวเราเป็นนักลงทุนแบบไหน สามารถรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้มากน้อยเพียงใด
การถามตัวเองว่าเราสามารถรับความเสี่ยงได้แค่ไหนเป็นข้อที่สำคัญที่สุดในการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี เพราะเราจำเป็นต้องตอบคำถามกับตัวเองให้ได้ว่าเราจะยอมรับได้หรือไม่ หากสินทรัพย์ที่เราเลือกลงทุน เช่น บิตคอยน์ จะมีราคาผันผวนขึ้นลงถึง 20-30% ต่อวัน นอกจากนี้ เรายังต้องรู้จักควบคุมสติและอารมณ์ของตัวเองให้ได้ ทั้งความกลัว ความตกใจ และความโลภ
รู้จักธรรมชาติของตลาดและแนวทางการลงทุน
ไม่ว่าจะเป็นในวงการไหนก็ตาม ความรู้พื้นฐานยังคงเป็นสิ่งจำเป็นเสมอ ถึงแม้ว่าในฐานะนักลงทุนแล้ว เราอาจไม่จำเป็นต้องรู้ถึงวิทยาการคอมพิวเตอร์ การเข้ารหัส หรือการเขียนโค้ดโปรแกรมของสกุลเงินดิจิทัลโดยตรง แต่เราก็ควรรู้จักและเข้าใจแนวคิดเกี่ยวกับเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain Technology) ซึ่งเป็นระบบการจัดการหลังบ้าน และกระดูกสันหลังของสกุลเงินดิจิทัล
นอกจากนี้ อย่าลืมว่าการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลเป็นการลงทุนรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีทั้งจุดเหมือนและจุดต่างจากการลงทุนในสินทรัพย์รูปแบบอื่น สิ่งสำคัญคือ ผู้ลงทุนต้องเข้าใจว่าการเลือกลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลไม่ได้พิจารณาจากผลประกอบการทางธุรกิจ แต่เป็นการลงทุนในเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่จะเกิดขึ้นจากการนำเหรียญสกุลนั้นๆ มาใช้ ผู้ลงทุนจึงควรทราบว่าเหรียญแต่ละเหรียญที่ตนเองกำลังสนใจถูกนำไปใช้กับผลิตภัณฑ์หรือโครงการอะไร แต่ละโครงการมีวัตถุประสงค์หรือรูปแบบการดำเนินการอย่างไร เหรียญนั้นมีการประกันมูลค่าด้วยสินทรัพย์อื่นหรือไม่ รวมไปถึงควรศึกษาและทำความรู้จักตัวนักพัฒนา ผู้คิดค้นเหรียญ และผู้ร่วมทุนด้วยว่าเป็นใคร มีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน และมีแผนการดำเนินโครงการอย่างไรทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
ดังนั้น นี่จึงอาจเป็นความแตกต่างระหว่างนักลงทุนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ในช่วงหลังกับนักลงทุนกลุ่มเดิม เพราะนักลงทุนหน้าใหม่ เพราะนักลงทุนหน้าใหม่ส่วนใหญ่หวังจะเพียงแค่จะเข้ามาซื้อขายเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นและยังขาดความเข้าใจในสกุลเงินดิจิทัล จึงทำให้นอกจากจะมีโอกาสประสบความสำเร็จได้น้อยแล้ว ยังอาจตกใจกับความผันผวนของราคาและความเปลี่ยนแปลงรายชั่วโมงของวงการนี้อีกด้วย
รู้จักวิธีการลงทุน
เพราะสกุลเงินดิจิทัล หรือ คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) เป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนและความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนจึงควรเข้าใจถึงความเสี่ยงและที่มาของผลตอบแทนอย่างชัดเจน ถึงกระนั้น ก็เป็นความจริงที่ว่าตลาดสอนทรัพย์ดิจิทัลยังเป็นตลาดใหม่ที่เพิ่งเริ่มเติบโตขึ้นมาในช่วง 12 ปีนี้เท่านั้น จึงอาจยังไม่มีทฤษฎีหรือสูตรสำเร็จในการประสบความสำเร็จในการลงทุนสกุลเงินดิจิทัล อย่างไรก็ตาม การศึกษาแนวคิดหรือรูปแบบการลงทุนหลายๆ แหล่งที่มาจะเป็นทางหนึ่งที่ช่วยให้ผู้ลงทุนพอเข้าใจ และมองเห็นภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เช่น การศึกษารูปแบบกราฟ หรือการวิเคราะห์มูลค่าตามราคาตลาด (Market Capitalization) เป็นต้น
การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน หรือ DCA (Dollar-Cost Averaging) เป็นอีกวิธีหนึ่งที่มักจะแนะนำกับนักลงทุนที่เพิ่งเข้ามาในวงการสกุลเงินดิจิทัล วิธีนี้คือการแบ่งเงินจากรายได้มาลงทุนเป็นจำนวนเท่าๆ กันอย่างสม่ำเสมอ ทีละเล็กทีละน้อย ข้อดีของวิธีนี้คือ นอกจากจะไม่เป็นการทุ่มจำนวนเงินมากลงไปในครั้งเดียวแล้ว ยังมีช่วงเวลาที่ให้นักลงทุนได้คอยติดตามข่าวและปรับพอร์ตการลงทุนไปเรื่อยๆ นอกจากนี้ หากเป็นช่วงแรกของการลงทุน จึงไม่ควรลงเงินเยอะ อาจลงเพียง 1-7% ของพอร์ตการลงทุน โดยควรต้องมีการแยกส่วนสำหรับลงทุน ซื้อขาย และซื้อเก็บในระยะยาวออกจากกันให้ชัดเจน
อีกประเด็นสำคัญคือ คุณควรเลือกลงทุนและซื้อขายกับศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) ที่น่าเชื่อถือและได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยแพลตฟอร์มการใช้งานของศูนย์ซื้อขายดังกล่าวต้องมีลักษณะที่ใช้งานได้ง่าย และสามารถให้ข้อมูลได้ครบถ้วน มีระบบบริการลูกค้าที่ดี และสามารถให้คุณเข้าถึงสินทรัพย์ในกระเป๋า (Wallet) ของคุณเองได้ ถึงแม้ว่าในขณะนั้นกระดานเทรดอาจปิดปรับปรุงอยู่ก็ตาม ทั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการยืนยันว่าผู้ใช้บริการหรือนักลงทุนจะยังเป็นเจ้าของที่ถือสินทรัพย์ของตัวเองอยู่เช่นเดิม แม้ว่าแพลตฟอร์มจะมีปัญหาก็ตาม
อย่าลืมว่าราคาของสกุลเงินดิจิทัลมีความผันผวนสูงมาก ผู้ลงทุนไม่ควรลงทุนตามกระแสหรือคำบอกเล่าของผู้อื่นเพียงเพราะกลัวที่จะพลาดโอกาสตามกระแสข่าว (Fear Of Missing Out: FOMO) นอกจากนี้ หากคุณเป็นคนที่รู้สึกว่าเงินสกุลหลัก ๆ เช่น บิตคอยน์ ราคาสูงเกินไป หรือกำลังคาดหวังกับการลงทุนในเหรียญสกุลอื่น ๆ (Altcoin) ก็อย่าลืมศึกษาข้อมูลและที่มาที่ไปของแต่ละเหรียญเหล่านั้นอย่างละเอียด
รู้จักติดตามข่าวสาร
เป็นที่รู้กันว่า ข่าวสารและความเคลื่อนไหวในวงการสกุลเงินดิจิทัลมักจะมาเร็วไปเร็วเสมอ และทุกความเคลื่อนไหวเหล่านั้นก็มักจะส่งผลกระทบต่อเนื่องกันไป ดังนั้น หากคุณเป็นคนที่สนใจลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล ก็ควรพาตัวเองเข้าไปอยู่ในวงสนทนาหรือกลุ่มที่มีการพูดคุยกันเรื่องนี้ ติดตามข่าวสารจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้หลายๆ แหล่งที่มา ทั้งในไทยและโดยเฉพาะในต่างประเทศ เพื่อให้รู้เท่าทัน ได้ข้อมูลครอบถ้วนและรอบด้าน เพื่อให้สามารถวิเคราะห์ทิศทางราคาเหรียญและตลาดได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้คุณยังต้องคอยติดตามข่าวสารภายนอกวงการและสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองโลกอยู่บ้าง เพราะมันอาจมีผลกระทบต่อการตัดสินใจของนักลงทุน สถาบันการเงิน และรัฐบาลในการออกมาเคลื่อนไหว และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ควรมีวิจารณญาณและรู้เท่าทันต่อข่าวสาร สื่อ และโฆษณาที่คุณได้รับ
มีคาดการณ์ว่าปี 2021 นี้จะเป็นปีทองของสกุลเงินดิจิทัลเช่นเดียวกับกลุ่มเทคโนโลยีต่างๆ เช่น เทคโนโลยีทางการเงิน เทคโนโลยีบล็อกเชน เทคโนโลยีการจัดการข้อมูล และปัญญาประดิษฐ์ ดังนั้น การศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ไม่เฉพาะแค่ภายในตลาดที่เราสนใจ แต่รวมไปถึงวงการแวดล้อมใกล้เคียง ก็อาจจะเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจลงทุนเช่นเดียวกัน
ติดตามแหล่งข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติม:
- พระราชบัญญัติ/พระราชกําหนดที่เกี่ยวข้อง
- รายชื่อผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์