อิสรภาพทางการเงินไม่ใช่ภาระของใครคนใดคนหนึ่ง แต่คือ ‘ศิลปะ’ ที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย
ปิดท้ายเวที Young Leader Dialog ในงาน THE STANDARD Economic Forum 2025 กับเซสชั่นที่สำคัญและทรงพลังอย่างยิ่งในหัวข้อ ‘Financial Literacy: ปลูกฝังวินัยการเงิน สร้างความมั่งคั่งฉบับคนรุ่นใหม่’ ที่ชวนให้ผู้ฟังได้ศึกษาคำว่าอิสรภาพทางการเงินอย่างแท้จริง
นี่คือการรวมตัวของผู้หญิงเก่ง 3 ท่านในวงการการเงิน ได้แก่ ดิว ธิษณา ธิติศักดิ์สกุล กรรมการบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท โนบูโร แพลตฟอร์ม จำกัด, เอม มทินา วัชรวราทร ผู้บริหารฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บลจ.กสิกรไทย, และ เฟิร์น ศิรัถยา อิศรภักดี ผู้ก่อตั้ง Wealth Me Up และผู้ดำเนินรายการ Morning Wealth
‘ความมั่งคั่ง’ ไม่ใช่แค่ตัวเงิน แต่คือ ‘อิสรภาพ’
‘ความมั่งคั่ง’ (Wealth) ในนิยามของ 3 กูรูไม่ได้หมายถึงแค่ตัวเงิน เฟิร์นนิยามว่าคือ ‘อิสรภาพ’ (Freedom) ที่จะเลือกใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องกังวล ดิว มองว่าเป็น ‘ความมั่งมีและความสุข’ (Well-being) ที่ทำให้เราทำตามฝันได้ ส่วนเอม นิยามว่าคือ ‘ความยืดหยุ่น’ (Resilience) และการใช้เงินอย่างมีความหมาย (Purposeful) โดยมี ‘เวลา’ เป็นทุนที่สำคัญที่สุดของคนรุ่นใหม่ที่พวกเขามักมองไม่เห็น
หาเงินเก่ง แต่ขาด ‘ศิลปะการใช้เงิน’
ปัญหาใหญ่ที่พบคือ คนรุ่นใหม่หาเงินเก่ง แต่ขาดศิลปะในการใช้เงิน หลายคนอยู่ในภาวะ ‘รู้แต่ทำไม่ได้’ และขาดความเข้าใจในบทเรียนที่สำคัญที่สุดสู่ความร่ำรวย
ทางออกเริ่มต้นที่การสร้าง Awareness ให้เห็นสถานะการเงินที่แท้จริงของตนเอง แนะนำให้คนรุ่นใหม่ ‘ฝึกฝัน’ เพื่อให้มีเป้าหมายระยะยาว และ ‘ฝึกฝืน’ เพื่อให้มีวินัยควบคุมตัวเอง ทั้งยังควรสะสม ‘สินทรัพย์’ (Assets) ที่สร้างมูลค่าเพิ่ม เช่น กองทุน หรือบ้าน ไม่ใช่สะสมสิ่งของ หรือไลฟ์สไตล์ที่ใช้แล้วหายไป
ข้อเสนอ แก้ปัญหาการเงินที่โครงสร้าง
ทั้งสามเห็นตรงกันว่าการแก้ปัญหาวินัยการเงิน ไม่สามารถหยุดอยู่แค่ความรับผิดชอบส่วนบุคคล แต่ต้องการการขับเคลื่อนเชิงโครงสร้างจากทุกภาคส่วน
ภาคเอกชน สามารถมีส่วนร่วมสร้างวัฒนธรรมการเงินในที่ทำงาน โดยเฉพาะ ‘นายจ้าง’ ที่มีบทบาทอย่างยิ่งในการสร้างวัฒนธรรมการเงินที่ดีในที่ทำงาน การสร้างบทสนทนาเรื่องการออมและแก้หนี้ให้เป็นเรื่องปกติ ถูกประเมินว่าสามารถช่วยแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนในกลุ่มแรงงานได้เกือบ 30% ขณะที่สถาบันการเงินก็ต้องปรับบทบาท จากการมุ่ง ‘ขาย’ มาสู่การ ‘ให้ความรู้’ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกค้า
ทางฝั่งภาครัฐก็สามารถขับเคลื่อนเชิงโครงสร้างที่เอื้อให้ออม โดยระบบการศึกษาคือจุดคานงัดแรกที่ต้องปฏิรูป แนะนำให้บรรจุความรู้การเงินภาคบังคับเข้าไปตั้งแต่ระดับประถม นอกจากนี้ รัฐต้องสร้างการตระหนักรู้ในวงกว้างผ่านแคมเปญระดับชาติ และพิจารณาเครื่องมือเชิงนโยบาย เช่น การมอบเงินก้นถุงตั้งต้นให้เด็กแรกเกิด เพื่อให้พลังของ ‘ดอกเบี้ยทบต้น’ ได้เริ่มทำงานทันที
แม้เส้นทางสู่อิสรภาพทางการเงินอาจต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อ และการทำในเรื่องท้าทายที่ไม่เคยพบเจอ แต่อย่าหยุดที่จะเรียนรู้ ‘ศิลปะการใช้เงิน’ เพราะความมั่งคั่งที่แท้จริงเริ่มต้นจากวินัยก้าวเล็กๆ ไม่ว่าวันนี้สถานะการเงินของคุณจะอยู่ที่จุดไหน ไม่เคยมีคำว่าสายเกินไปที่จะเริ่มต้นสร้างอนาคตการเงินที่ดีขึ้นด้วยมือของคุณเอง


