×

จุดแข็งอุตสาหกรรมเหล็กไทยในศึกภูมิรัฐศาสตร์

โดย THE STANDARD TEAM
12.11.2025
  • LOADING...
ฮิเดกิ โอกาวะ (NS-SUS)

ในงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2025 เวที Steel in Next Frontier: Resilient Supply Chains ปฏิวัติอุตสาหกรรมเหล็กสู่อุตสาหกรรมแนวหน้า 

 

ฮิเดกิ โอกาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นเอส-สยามยูไนเต็ดสตีล จำกัด หนึ่งในเครือของนิปปอนสตีลจากญี่ปุ่น ซึ่งดำเนินธุรกิจในไทยมากว่า 60 ปี กล่าวว่า อุตสาหกรรมเหล็ก คือรากฐานของการพัฒนาเศรษฐกิจทั่วโลก แต่กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ จากความผันผวนของตลาดและความท้าทายด้านภูมิรัฐศาสตร์

 

ข้อมูลจาก World Steel Association ระบุว่า ในปี 2024 โลกมีการบริโภคเหล็กรวมกว่า 1.7 พันล้านตัน โดยกว่า 52% มาจากภาคการก่อสร้างและโครงสร้างพื้นฐาน รองลงมาคือเครื่องจักรกล 16% ยานยนต์ 12% และผลิตภัณฑ์โลหะ 10% ส่วนที่เหลือเป็นการใช้งานในกลุ่มขนส่ง เครื่องใช้ไฟฟ้า และของใช้ในบ้าน 

 

ปัจจุบันประเทศจีนยังคงเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของโลก ด้วยกำลังผลิตกว่า 1 พันล้านตันต่อปี แต่บริโภคในประเทศเพียง 0.86 พันล้านตัน ทำให้เกิด เหล็กส่วนเกิน กว่า 150 ล้านตัน ซึ่งกำลังถูกระบายออกสู่ตลาดโลกในราคาต่ำและสร้างแรงกระทบโดยตรงต่อหลายประเทศ รวมถึงไทยด้วย

 

ข้อได้เปรียบของไทย 

 

ฮิเดกิกล่าวว่า ประเทศไทยมีข้อได้เปรียบเชิงโครงสร้าง 2 ประการ ที่จะทำให้เราเป็น พรมแดนใหม่ของการลงทุน ในอุตสาหกรรมโลหะและการผลิต

  1. ห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแรงและต่อยอดได้ง่าย (Robust Supply Chain Base)
    ไทยมีรากฐานการผลิตที่มั่นคง มีโรงงานและเครือข่ายซัพพลายเชนที่เชื่อมโยงถึงกันทั่วประเทศ ทำให้สามารถพัฒนา Local Content หรือส่วนประกอบที่ผลิตในประเทศได้ง่าย ซึ่งเป็นจุดแข็งสำคัญของอุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพาวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลาง จากข้อมูลปี 2024 การนำเข้าของไทยกว่า 42% เป็นวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลาง หากไทยสามารถผลิตส่วนนี้ได้เอง จะเป็นแรงขับสำคัญให้ GDP เติบโตได้อย่างยั่งยืน
  2. จุดยืนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เป็นกลาง (Geopolitical Neutral Position)
    ในยุคที่โลกเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความไม่แน่นอน ไทยยังคงสามารถรักษาความสัมพันธ์กับทุกฝ่ายได้อย่างสมดุล ทำให้เรามีความได้เปรียบเหนือหลายประเทศในภูมิภาค แม้โลกจะวุ่นวาย แต่ไทยยังสามารถเชื่อมโยงกับโลกได้รอบด้าน เขากล่าว พร้อมชี้ว่า ความเป็นกลางนี้ช่วยให้ไทยยังคงเป็นจุดหมายปลอดภัยของนักลงทุน ไม่ว่าจะมาจากตะวันตกหรือเอเชียตะวันออก

 

ซัพพลายเชนที่เหนียวแน่นคือเกราะป้องกันวิกฤตในอนาคต

 

ฮิเดกิอธิบายว่า เมื่อโลกเผชิญภาวะ อุปทานล้นตลาด สินค้าราคาถูกจากต่างประเทศจะเข้ามาทำลายซัพพลายเชนภายใน แต่เมื่อถึงเวลาที่ อุปทานขาดแคลน ประเทศที่ไม่มีห่วงโซ่อุปทานของตัวเองจะเผชิญปัญหาขาดสินค้าและต้องซื้อในราคาที่แพงกว่า ดังนั้น การรักษาอุตสาหกรรมเหล็กภายในประเทศให้แข็งแรงคือ เครื่องกันกระแทกเศรษฐกิจ ที่จะทำให้ไทยยืนอยู่ได้ในทุกวัฏจักรของตลาด

 

ในมิติของเทคโนโลยี เขายกตัวอย่างการใช้ AI และระบบอัตโนมัติในโรงงานเหล็กและอาหารกระป๋องของไทย ซึ่งช่วยลดเวลาการตรวจสอบเครื่องจักรจาก เป็นเดือนเหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมง และเพิ่มความแม่นยำในการผลิตเหล็กที่บาง เบา แต่แข็งแรงกว่าเดิม สะท้อนว่าการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมในซัพพลายเชนไทยไม่เพียงช่วยประหยัดเวลา แต่ยังเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระยะยาว

 

สุดท้าย ฮิเดกิ โอกาวะ ทิ้งท้ายว่า การสร้างอุตสาหกรรมเหล็กให้ยั่งยืน ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ระบบซัพพลายเชนในประเทศแข็งแรงพอที่จะรองรับความผันผวนจากภายนอก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในโลก ไทยยังคงเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงในการผลิต เชื่อมโยง และเป็นมิตรต่อการลงทุน เราขอยืนยันว่า Nippon Steel จะอยู่เคียงข้างซัพพลายเชนของไทยเสมอ

FYI

THE STANDARD Economic Forum 2025

Rerun Ticket บัตรชมย้อนหลังออนไลน์ เปิดจำหน่ายวันที่ 7 พ.ย.68  คลิก ›

  • ดูได้นานถึง 6 เดือนเต็ม! (เปิดให้รับชมตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 – 14 เมษายน 2569)
  • รับชมย้อนหลังได้ทั้ง 4 เวที  (Main Stage, Young Leaders Dialogue Stage, Tech Stage และ AI Showcase Stage)
  • ราคาพิเศษเพียง 990.-
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising