1
ด้วยความเร่งรีบ เพราะการเดินทางคลาดเคลื่อนจากที่คาดเอาไว้เล็กน้อย ทำให้ความวิตกเริ่มกัดกินเข้าที่หัวใจมากขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งในสถานีรถไฟมุซาชิ-โคสุงิในจังหวัดคาวาซากิ ไม่ได้มีป้ายอะไรบอกทางที่ชัดเจนนัก ยิ่งทำให้ความกลัวว่าจะไปไม่ทันเวลาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่เมื่อออกจากสถานี ผมได้เห็นคนยืนต่อแถวกันอย่างมากมาย และค่อนข้างเป็นระเบียบที่บริเวณจุดขึ้นรถบัสที่อยู่ด้านนอกของสถานี และเริ่มเห็นโปสเตอร์ของทีมคาวาซากิ ฟรอนตาเล ติดอยู่ก็พอที่จะอุ่นใจขึ้นได้บ้าง
คุณลุง ไม่สิ ควรจะเรียกว่าคุณตามากกว่า กำลังยืนจัดระเบียบให้แก่แถวของคลื่นมนุษย์เล็กๆ หน้าสถานี แม้จะรู้ว่า อาจจะสื่อสารกันยาก แต่ผมตัดสินใจที่จะเดินเข้าไปถามเป็นภาษาอังกฤษแบบงูๆ ปลาๆ แปลเป็นไทยได้ความว่า
“ทางนี้ไปสนามโทโดโรกิ สเตเดียมใช่หรือเปล่าครับ?”
คุณตาทำหน้าไม่เข้าใจเล็กน้อย แกหยุดคิดครู่เดียว ก่อนจะถามผมกลับมา
“ซักกะ?”
ผมหยุดคิดเช่นกัน ก่อนที่หลอดไฟจะปิ๊งขึ้นในหัว
“ใช่ๆ ซักกะ (サッカー Sakkā)”
คุณลุงยิ้ม และบอกให้ผมไปต่อแถวตามคนอื่น
นาฬิกาบนข้อมือพูดไม่ได้ แต่มันทำให้รู้ได้ว่า ผมพอจะมีเวลาทำในสิ่งที่ตั้งใจจะทำมาตลอด ตั้งแต่วางแผนการเดินทาง
ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ
ผมแค่อยากเดินหาของกินหน้าสนามฟุตบอลในญี่ปุ่น…
ใช่ที่ไหน! ผมแค่ชอบซึมซับบรรยากาศของแฟนบอลในที่ต่างๆ และบรรยากาศหน้าสนามญี่ปุ่นนั้นก็ดีเกินกว่าที่จะปล่อยผ่านได้ (แต่ใช่ครับ ของกินหน้าสนามก็เป็นเรื่องที่ปล่อยผ่านไม่ได้เช่นกัน)
2
สนามโทโดโรกิ สเตเดียม เป็นสนามฟุตบอลขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ อยู่ในจังหวัดคาวาซากิ ซึ่งอยู่ห่างจากโตเกียวเพียงแค่ไม่ถึง 20 นาที หากเดินทางจากศูนย์กลางจากสถานีรถไฟชินจูกุ
ความจริงแล้วสนามแห่งนี้เป็นสนามที่ใช้จัดการแข่งขันกีฬาได้หลากหลายประเภท เพียงแต่โดยหลักใหญ่ใจความแล้ว จะใช้สำหรับการแข่งขันฟุตบอล โดยปัจจุบันทีมที่ใช้สนามแห่งนี้เป็นสนามเหย้าคือ คาวาซากิ ฟรอนตาเล เพียงทีมเดียว
แต่ในอดีต สนามแห่งนี้ก็เคยเป็นสนามเหย้าของทีมเก่าแก่ระดับตำนานอย่างเวอร์ดี คาวาซากิ ทีมแชมป์เจลีก 2 สมัยแรก ในยุคของการก่อร่างสร้างตัวใหม่ของวงการฟุตบอลญี่ปุ่น ซึ่งมีซูเปอร์สตาร์อย่าง ‘คาซู’ คาสึโยชิ มิอุระ, รุย รามอส นักฟุตบอลญี่ปุ่นเชื้อสายบราซิล และ สึโยชิ คิตาซาวา มิดฟิลด์จอมขยัน
น่าเสียดายที่ เวอร์ดี คาวาซากิ ตกต่ำลง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นทีมโตเกียว เวอร์ดี และย้ายไปใช้สนามอายิโนะโมโตะ ร่วมกับทีมเอฟซี โตเกียว
นอกจากนี้ยังเคยเป็นสนามเหย้าของทีมโตชิบา หรือในปัจจุบันคือทีมคอนซาโดเล ซัปโปโร ต้นสังกัดของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังของคนไทยที่เป็นขวัญใจของชาวญี่ปุ่นด้วย
ผมเองไม่ได้รู้จักฟรอนตาเลมากมายนัก รู้เพียงแต่พวกเขาเป็นทีมระดับท็อปของญี่ปุ่นในช่วงหลายปีหลัง และเป็นแชมป์ใน 2 ฤดูกาลหลังสุด (2017 และ 2018) เพียงแต่ในฤดูกาลนี้ พวกเขาผลงานตกลงไปจากเดิม จากได้ลุ้นแชมป์ ก็เป็นการลุ้นรักษาความหวัง เพื่อจะไปรายการเอเอฟซีแชมเปี้ยนส์ลีกแทน
อ้อ! ผมรู้ว่า พวกเขามีศูนย์หน้าชื่อดังอย่าง เลอันโดร ดามิเยา สตาร์ลูกหนังจากแดนแซมบ้า ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่หมายปองของสโมสรระดับชั้นนำของยุโรปอย่างท็อตแนม ฮอตสเปอร์และนาโปลี
แต่ชีวิตเล่นตลก เมื่อเขาตอบตกลงกับสโมสรจากอิตาลีแล้ว แต่การเจรจาต้องยุติลงกลางคัน เพราะไม่สามารถตกลงกันในเรื่องของ ‘สปอนเซอร์’ ได้ ทำให้ชีวิตระหกระเหินก่อนที่สายลมแห่งโชคชะตาจะพัดพาเขามาไกลถึงญี่ปุ่น
อย่างไรก็ดี การมาที่สนามของฟรอนตาเลไม่ได้แปลว่าผมตั้งใจจะมาเชียร์พวกเขา เพราะผมตั้งใจจะมาเชียร์ ‘โก๋อุ้ม’ ธีราทร บุญมาทัน ที่กำลังลุ้นแชมป์เจลีกกับโยโกฮามา มารินอส
เพียงแต่บรรยากาศหน้าสนามฟุตบอลเจลีก เป็นบรรยากาศดีๆ ที่คนรักลูกหนังควรจะลองหาโอกาสมาเดินเล่นดูสักครั้ง
มันมีความรู้สึกเหมือนงานวัดแบบฟุตบอล
สีสันสดใสใต้ท้องฟ้าสดสวย อากาศเย็นๆ ของกินอร่อยๆ
แค่นั่งอยู่แถวนั้นก็มีความสุขแล้ว
ผมใช้เวลานั่งหม่ำซาลาเปา ไก่ทอดคาราอาเกะ และไส้กรอกจนอยู่ท้อง ก่อนจะรีบวิ่งเข้าสนามอย่างรีบเร่ง
รายชื่อนักเตะประกาศออกมาแล้ว โดยมีเสียงแฟนบอลเป็นลูกคู่ขานรับการประกาศของโฆษกสนามด้วยความคึกคัก
“น่าจะสนุกวันนี้” ผมคิดในใจไม่ได้บอกใคร
3
ด้วยประสบการณ์ในการจองตั๋วเข้าชมเกมฟุตบอลเจลีกที่อ่อนด้อย (ความจริงคือเห็นแก่ของถูก!) ทำให้ผมแอบตกใจอยู่พอสมควร เมื่อรู้ว่าที่นั่งที่เลือกจองมานั้นเป็นโซนของกองเชียร์เจ้าบ้านแบบเต็มๆ ไม่ได้มีกองเชียร์ทีมเยือนผสมอยู่เลยแม้แต่คนเดียว!
นอกจากนี้ตั๋วที่เลือกยังเป็นตั๋วประเภทไม่ระบุที่นั่ง (ก็บอกแล้วว่าถูก) ใครใคร่จะนั่งตรงไหนก็นั่ง ใครใคร่อยากจะยืนจิบเบียร์เชียร์บอลก็ทำได้
ความชะล่าใจไม่เชื่อคำแนะนำที่บอกให้รีบมาจองที่นั่งก่อนด้วยการวางของเอาไว้ (ที่ญี่ปุ่นจะไม่มีใครมายุ่งกับของเรา ถ้าเราวางจองเอาไว้) ทำให้ไม่ว่าจะเดินเข้าไปในแถวไหนที่นั่งก็เต็มไปหมด
จนกระทั่งคุณป้าท่านหนึ่งเห็นว่ามีคนต่างชาติเงอะๆ งะๆ อยู่ในสนาม จึงชักชวนให้มานั่งตรงเก้าอี้ว่างใกล้ๆ กัน ในบริเวณใกล้ๆ กึ่งกลางสนาม ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดีทีเดียว
จะไม่ดีอย่างเดียวคือ ตรงนี้ก็เป็นดงของแฟนบอลฟรอนตาเล ที่แม้จะดูเป็นโซนที่ครอบครัวพากันมานั่งดูบอล (ไม่ใช่โซนแฟนบอลแบบเข้มข้น) ซึ่งนั่นไม่ต่างอะไรจากการเข้ามาในดงคู่แข่ง
ถึงจะรู้ว่า แฟนบอลญี่ปุ่นไม่ใช่แฟนบอลประเภทหัวร้อน อยากนอนโรงพักอะไรนัก
แต่บางครั้งเข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม
ไทจินคนนี้จึงขอสนุกไปกับแฟนบอลฟรอนตาเล ที่มีคนบอกผมว่า เป็นหนึ่งในแฟนบอลที่ยอดเยี่ยมที่สุดของญี่ปุ่น
ไม่ว่าทีมจะเป็นอย่างไรก็ตาม พวกเขาพร้อมจะยืนเคียงข้างเสมอ
และจากสิ่งที่ผมเห็นก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริง
4
จากการเล่นกับธงที่สนุกสนานก่อนเกม เสียงเพลงจากกลุ่มกองเชียร์ในอัฒจันทร์ฝั่งที่ผมนั่ง และอัฒจันทร์ฝั่งหลังประตูดังขึ้นเกือบตลอดทั้งเกม
น่าประทับใจจนแอบยิ้มไปด้วยไม่ได้
บรรยากาศนั้นแตกต่างจากครั้งที่ผมไปเชียร์วิสเซิล โกเบเมื่อปีกลาย ที่แฟนบอลจะค่อนข้างนิ่ง เงียบ ดูไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กันระหว่างกองเชียร์และนักฟุตบอลในสนามเท่าไรนัก
เรื่องแบบนี้แม้จะไม่มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ แต่การส่งพลังถึงกันจากกองเชียร์ถึงนักฟุตบอล และจากนักฟุตบอลถึงกองเชียร์ ผ่านการเล่นที่ร้อนแรงนั้น สามารถทำให้เกิดสิ่งที่พิเศษขึ้นในสนามได้
เหมือนเช่นในเกมนี้ที่แม้ฟรอนตาเลจะเป็นรองมารินอสอย่างมากในเชิงลูกหนัง ไม่ว่าจะเป็นแท็กติกหรือเทคนิคการเล่น แต่เสียงเชียร์ในสนามที่ปลุกเร้าตลอดเวลา ก็ช่วยทำให้ 11 ผู้เล่นในสนามพยายามอย่างสุดความสามารถ
เพียงแต่ด้วยฟอร์มของมารินอสเวลานี้มันยากจะหยุดจริงๆ
โดยเฉพาะ เอริค ลิมา หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกชื่อในแบบของพวกเขาเองว่า ‘เอเรกิ’ กองหน้าตัวจี๊ดชาวบราซิล ที่เร็วเหมือนเดอะ แฟลช และมีเทคนิคกับสไตล์การเล่นที่ชวนให้คิดถึง อเล็กซิส ซานเชซ วัยหนุ่มในสีเสื้ออูดิเนเซ
วันนั้นไม่มีผู้เล่นคนไหนของฟรอนตาเลที่สามารถหยุด เอเรกิ ได้ และทำให้สุดท้ายฟรอนตาเลก็ไม่สามารถหยุดคลื่นเกมรุกของมารินอส ซึ่งเล่นเกมสวนกลับได้อย่างเฉียบขาด
แต่อย่างน้อยที่สุดก็มีอยู่ช่วงเวลาพักใหญ่ที่ฟรอนตาเลตอบโต้ได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาส่ง ดามิเยา หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกในแบบของพวกเขาว่า ‘ดาเมียน’ ลงสนามมาค้ำในแดนหน้า ซึ่งทำให้เกมรุกของแชมป์เก่าดูอันตรายขึ้นมาทันตาเห็น
ความสูงใหญ่และเซนส์บอลของดามิเยา เล่นงานแนวรับมารินอสจนมีป่วน
ยิ่งสู้ แฟนบอลยิ่งเชียร์ดัง ยิ่งแฟนบอลเชียร์ดัง นักเตะในสนามก็ยิ่งสู้
เป็นการส่งพลังถึงกันไปมา เป็นสปิริตของเกมกีฬาที่น่าประทับใจ
5
นอกจากดูเกมในสนามแล้ว ผมพยายามจับตาสตาร์ลูกหนังของไทยอย่างธีราทร (ที่ผมต้องเชียร์แบบรักนะแต่ไม่แสดงออก) มากเป็นพิเศษ
อุ้มยังลงประจำการในตำแหน่งแบ็กซ้ายของมารินอสเหมือนเดิม และทำหน้าที่ได้อย่างดี ไม่มีขาดตกหรือบกพร่อง
อาจจะมีการจ่ายเสียบ้าง อาจจะมีโดนกระชากลากหลบไปบ้างด้วยนักเตะตัวรุกในเจลีกนั้นมีความเร็วสูง แต่ในภาพรวมแล้ว การเล่นของสตาร์ลูกหนังเมืองสยามคนนี้ไม่มีอะไรให้น่าตำหนิ
การผ่านบอลส่วนมากแม่นยำ การเข้าสกัดดี การอ่านเกมถือว่ายอดเยี่ยม
มีอยู่ช็อตหนึ่งที่ผมได้แต่แอบเฮในใจคือ จังหวะที่เขาล่อหลอกนักเตะฟรอนตาเลอย่างเหนือชั้น หลอกแล้วหลอกอีก หลอกหัวปั่น จนอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเป็นฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ช็อตนี้อุ้มต้องโดนเสียบสองขาอย่างแน่นอน
สิ่งที่หลายคนอาจจะไม่ได้เห็นผ่านการถ่ายทอดสดคือ ธีราทรวันนี้ได้เติบโตขึ้นอีกขั้นสู่การเป็นนักฟุตบอลที่สุขุม นุ่มลึก และเยือกเย็นกว่าที่เคยเป็นมา
จังหวะที่ทีมได้ประตู ขณะที่เพื่อนครึ่งทีมวิ่งไปเฮกันตรงหน้าอัฒจันทร์กองเชียร์ทีมเยือน ธีราทรเดินถอยหลังกลับมาประจำตำแหน่ง ก่อนจะหันไปปรบมือเรียกสติเพื่อนในไลน์แบ็กโฟร์ทุกคนให้รักษาสมาธิ อย่าปล่อยโอกาสให้ฟรอนตาเลกลับมาสู่เกมได้
เป้าหมายของเขาชัดเจนคือ ทีมต้องชนะให้ได้ในเกมนี้ เพื่อโอกาสในการคว้าแชมป์
สิ่งที่ผมได้เห็น อดทำให้ยิ้มไม่ได้ครับ ที่นักเตะไทยก้าวไปเป็นส่วนหนึ่งของทีมระดับว่าที่แชมป์เจลีกได้อย่างไม่เคอะเขิน
ทั้งๆ ที่ในช่วงแรกอุ้มมีปัญหากับการปรับตัวในทีมมารินอส โอกาสจะลงเล่นแทบหาไม่เจอ
เขามาถึงวันนี้ได้ ไม่ใช่เพราะความพยายามเพียงอย่างเดียว
มันมีอะไรมากมายกว่านั้นมากนัก
6
เกมในสนามจบลงด้วยชัยชนะที่ขาดลอยของมารินอส 4-1
การเสมอของเอฟซี โตเกียว ทำให้พวกเขายื่นมือจับถ้วยแชมป์เอาไว้แล้วข้างหนึ่ง เพราะผลต่างประตูได้เสียที่มากถึง 7 ลูก หมายถึงพวกเขาจะเสียแชมป์นี้ไปก็ต่อเมื่อเสียท่าคาบ้านมากกว่า 3 ประตูขึ้นไปเท่านั้น ในเกมชี้ชะตานัดสุดท้ายของฤดูกาลที่ทั้งสองทีมต้องพบกันเอง ราวกับมีคนเขียนบทเอาไว้ให้
พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำ แสงแดดที่แผดเผาจนหน้าไหม้หายไปแล้ว และตัวของผมเริ่มสั่นด้วยความหนาวเหน็บจากสายลมเย็นที่ปะทะร่างกาย
ผมซึมซับบรรยากาศในสนามอีกครู่ใหญ่ เพราะอยากเห็นว่า ฟุตบอลญี่ปุ่นเขามีพิธีอะไรไหมในเกมในบ้านนัดสุดท้ายของฤดูกาล เหมือนในฟุตบอลยุโรปที่นักฟุตบอลจะพาครอบครัวออกมาขอบคุณแฟนบอลในสนามก่อนจะลากันไปในฤดูกาลนี้
สุดท้ายก็ได้เห็น Lap of Honour ในแบบเมืองซามูไร ที่นักเตะกลับมาในสนามอีกครั้งในชุดสีดำเข้มดูเคร่งขรึม เพื่อขอบคุณแฟนบอลที่ให้การสนับสนุนพวกเขามาตลอดทั้งฤดูกาลอย่างเข้มแข็ง
กำลังใจจากแฟนบอลเหล่านี้มีความหมายมากครับสำหรับนักฟุตบอล และสำหรับสโมสร การสนับสนุนของแฟนบอลเหล่านี้คือการต่อลมหายใจของสโมสรฟุตบอล
ไม่ใช่แค่อาหารหรือเครื่องดื่ม แต่ยังมีของที่ระลึกที่แฟนบอลต่อคิวเข้าซื้อกันอย่างมากมาย (มีตู้กาชาปองด้วย!) แม้จะเป็นวันสุดท้ายของฤดูกาลแล้วก็ตาม
ผมอดคิดถึงฟุตบอลลีกในบ้านเราไม่ได้ กับข่าวการยุบสโมสรบ้าง พักสโมสรบ้าง ด้วยเหตุผลเพราะไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายมากมายมหาศาลได้ เพราะรายได้ที่สโมสรได้รับมาทั้งหมดนั้นถูกเอาไปลงกับการจ้างนักฟุตบอลที่ได้รับค่าตอบแทนสูงเกินกว่าที่ควรจะเป็น
แย่กว่านั้นคือ การเปลี่ยนถิ่นฐานของทีมไปอยู่ภูมิลำเนาอื่น ไม่ได้สนอกสนใจแฟนบอลที่เคยให้การสนับสนุนมาอย่างเข้มแข็ง
อย่างไรก็ดี ฟุตบอลเจลีกเองก็เคยมีช่วงตกต่ำที่เกือบจะไปไม่รอดเหมือนกัน หลังฟองสบู่ที่สวยหรูในช่วงแรกแตกตัว
เพียงแต่ในเวลานั้นคนในวงการฟุตบอลญี่ปุ่นพยายามร่วมมือกัน เรียนรู้จากสิ่งที่ผิดพลาดและค่อยๆ แก้ไข จนทำให้ลีกกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง อาจจะไม่หวือหวาเหมือนเก่า แต่ก็มั่นคงกว่าก่อน และสุดท้ายสิ่งที่ได้รับตามมาคือการพัฒนาอย่างต่อเนื่องที่ยืนยาวและมั่นคง
อย่างน้อยที่สุด พวกเขารู้ว่า สิ่งที่สโมสรควรจะให้ความสำคัญมากที่สุดคือ แฟนบอล ไม่ใช่นักฟุตบอลที่มาแล้วก็ไป
แม้สายลมจะทำให้หนาวเหน็บขึ้นเรื่อยๆ ตัวเริ่มสั่นหนัก มือเริ่มชา แต่เมื่อหัวใจยังอุ่นอยู่ ผมจึงตัดสินใจขอยืนเกาะรั้วรอดูนักฟุตบอลที่หน้าสนาม
เผื่อว่าจะได้ตะโกนเรียกทักทายธีราทร และพูดคุยให้กำลังใจกันสักนิด
สุดท้าย หลังการรอคอยพักใหญ่ โดยระหว่างการรอคอยยังได้เล่นกับมาสคอตของทีมฟรอนตาเลที่ออกมาเล่นกับแฟนบอล (ซึ่งเรื่องดีเทลเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ ก็เป็นสิ่งที่ฟุตบอลไทยยังขาด) ผมเห็นนักเตะผมสีทองเดินขึ้นรถบัสของทีมเยือน ก่อนจะเก็บกระเป๋าและนั่งในเบาะหลังสุด
ธีราทรขึ้นรถไปแล้ว และคงไม่กลับลงมาอีก
ผมตัดใจเดินกลับจากสนาม และคิดว่า คงไม่ยืดระยะเวลาการเดินทางออกไป เพื่อไปเชียร์เขาในเกมนัดสุดท้ายที่จะวัดแชมป์กับเอฟซี โตเกียวในวันเสาร์ที่ 7 ธันวาคมนี้
เดี๋ยวส่งใจเชียร์จากที่บ้านนี่แหละ
น่าจะถึงเหมือนกัน 🙂
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
- สิ่งที่น่าประทับใจสำหรับการไปเชียร์ฟุตบอลเจลีก สิ่งแรกๆ คือการเดินทางที่สะดวก โดยของทีมคาวาซากิ ฟรอนตาเลจะมีรถเวียนคอยรับส่ง (เสียค่าบริการ แต่ไม่แพง) ตรงถึงสนามเลยจากสถานีรถไฟ ซึ่งแม้จะมีแฟนบอลจำนวนมาก แต่จำนวนรถมีมากพอที่จะระบายคนได้อย่างง่ายดาย
- การซื้อตั๋วเข้าชมเกมเจลีกทำได้หลายวิธี ทั้งการจองผ่านเว็บไซต์ของเจลีก (มีภาษาอังกฤษ), การซื้อผ่านตู้กดในร้านสะดวกซื้อ หรือการซื้อผ่านเอเจนต์ที่ได้รับสิทธิ์ (ลองค้นในอินเทอร์เน็ตด้วยชื่อของทีมที่จะไปเชียร์ + คำว่า Ticket)
- ถ้าธีราทรคว้าแชมป์เจลีกได้ในวันเสาร์นี้ เขาจะเป็นนักฟุตบอลไทยคนแรกที่คว้าแชมป์เจลีกได้