*มีการเปิดเผยเนื้อหาสารคดี*
ตอนคุณเป็นวัยรุ่นอายุ 17 ปี ชีวิตคุณเป็นอย่างไร? เชื่อว่าหลายคนคงอยู่ในสภาวะที่ฮอร์โมนกำลังพลุ่งพล่าน ติดเกม ติดเพื่อน ติดแฟนคนแรก (หรือคนที่ 2 3 หรือ 4) เรียนพิเศษอยู่ทุกวี่ทุกวันเพื่อเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย และต่างตั้งคำถามว่าอนาคตของตัวเองจะเป็นอย่างไรในสภาพสังคม ณ เวลานั้นๆ
แต่สำหรับผู้หญิงที่ชื่อ บิลลี่ อายลิช เธอกลับอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกมองว่าเป็นศิลปินความหวังใหม่ของอุตสาหกรรมดนตรี มีแฟนเพลงนับล้านทั่วโลกที่ใช้เพลงของเธอเป็นสิ่งเยียวยาจิตใจ และกำลังจะก้าวสู้สมรภูมิความสำเร็จอันสูงสุดที่นักร้องน้อยคนจะสามารถทำได้ โดยสิ่งเหล่านี้หลายคนอาจบอกว่าดีเสียอีกและเป็นความโชคดีของเธอ แต่กับสารคดีเรื่อง Billie Eilish: The World’s A Little Blurry ของ Apple TV+ คุณจะเห็นว่าสิ่งเหล่านี้ในหลายครั้งก็เป็นแค่เปลือกนอกที่ถูกปรุงแต่งให้สวยงามเกินจริง และเห็นความ Coming of Age อย่างแท้จริง ซึ่งเบื้องหลังก็มาพร้อมความกดดันและความเหน็ดเหนื่อยที่ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่จะต้องแบกรับอยู่ตลอดเวลา
Billie Eilish: The World’s A Little Blurry เป็นสารคดียาว 2 ชั่วโมง 20 นาที จากฝีมือของผู้กำกับชาวอเมริกัน อาร์.เจ. คัตเลอร์ ที่อยู่เบื้องหลังสารคดีชื่อดัง The September Issue (2009) เกี่ยวกับนิตยสาร Vogue อเมริกา และเป็นโปรดิวเซอร์เรื่อง The War Room (1993) สารคดีเกี่ยวกับแคมเปญหาเสียงของ บิล คลินตัน ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 1992 ซึ่งเรื่องนี้สามารถเข้าชิงรางวัลออสการ์อีกด้วย โดย Billie Eilish: The World’s A Little Blurry เริ่มถ่ายทำเก็บฟุตเทจตั้งแต่ปี 2018 ช่วงที่บิลลี่และพี่ชาย ฟินเนียส โอคอนเนลล์ สร้างสรรค์อัลบั้มแรก When We All Fall Asleep, Where Do We Go? ในบ้านสุดสมถะที่ทั้งคู่เติบโตมาในลอสแอนเจลิส จนถึงต้นปี 2020 ที่อัลบั้มนี้สร้างประวัติศาสตร์บนเวที Grammy Awards ทำให้บิลลี่กลายเป็นศิลปินที่อายุน้อยที่สุดที่สามารถชนะรางวัลใหญ่อัลบั้มแห่งปี
แม้หลายคนอาจคิดว่าบิลลี่อายุน้อยเกินไปไหมที่จะมีสารคดีของตัวเองแล้ว แต่เรากลับคิดว่าเสน่ห์ของ Billie Eilish: The World’s A Little Blurry อยู่ที่เราไม่ค่อยได้เห็นสารคดีในสเกลนี้ (เรื่องนี้จะฉายทาง IMAX ด้วย) ที่ทางผู้กำกับกล้าเสี่ยงที่จะถ่ายทำชีวิตของศิลปินก่อนที่เขาหรือเธอจะดังเป็นพลุแตกและยังไม่มีอัลบั้มแรกของตัวเองด้วยซ้ำ ซึ่งสิ่งที่เราสัมผัสได้จากเรื่องนี้คือความสำเร็จอันก้าวกระโดดของนักร้องวัย 19 ปีคนนี้ถือว่าปฏิวัติอุตสาหกรรมดนตรีอย่างมหาศาล และทำให้เห็นว่าศิลปินสมัยนี้ถือว่าโชคดีและมีแต้มต่อตรงที่มีโซเชียลมีเดียอยู่ในมือที่สามารถสร้างฐานแฟนคลับอันเหนี่ยวแน่นก่อนที่จะเซ็นสัญญากับค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ ซึ่งก็จะโชคดีต่อเมื่อเซ็นสัญญาไปแล้วทางค่ายก็จะปล่อยมีอิสระเต็มที่ ให้คุณได้สะท้อนตัวตนศิลปินในภาพลักษณ์ที่ตัวเองอยากจะเป็น ซึ่งต่างจากยุคก่อนๆ ที่ศิลปินหญิงอย่าง บริตนีย์ สเปียร์ส หรือ ริฮานนา ถูกผลิตตามแม่แบบการตลาดและกระแสนิยมของช่วงนั้นๆ โดยบิลลี่ก็ถือว่ามีอำนาจในมืออย่างท่วมท้น เลือกได้ว่าอยากจะทำเพลงแบบไหน ใส่ชุดอะไร เลือกพูดประเด็นสังคมเรื่องอะไร และมิวสิกวิดีโอเพลงไหนที่เธออยากกำกับเอง
อีกหนึ่งความน่าสนใจของ Billie Eilish: The World’s A Little Blurry คือการที่ อาร์.เจ. พยายามที่จะแทรกและสะท้อนความเป็นมนุษย์ของเธออยู่ตลอดเวลาที่ไม่ได้สวยเพอร์เฟ็กต์ เราได้เห็นว่าแม้กราฟความสำเร็จด้านของผลงานเธอจะพีกขึ้นเรื่อยๆ แต่ด้านหลังม่าน ผู้หญิงคนนี้ก็พยายามที่จะยังอยากโตเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไปและหาเกาะกำบังที่เธอจะไม่เผลอพลัดตกไปอยู่ในมรสุมที่แสง สี เงินทอง และชื่อเสียงที่ทำให้เสียคนได้ ซึ่งเราได้เห็นศิลปินวัยรุ่นหลายคนต้องเจอสิ่งนี้มาแล้ว เช่น จัสติน บีเบอร์ ที่เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของเรื่อง Billie Eilish: The World’s A Little Blurry โดยเราได้เห็นถึงความสัมพันธ์จากการที่บิลลี่เป็นแฟนคลับตัวยงแบบบ้าคลั่งของจัสติน จนถึงทุกวันนี้ที่ทั้งคู่กลายเป็นเพื่อนกัน และจัสตินก็เปรียบเสมือนอีกหนึ่งผู้ชี้แนะว่า เธอควรเดินบนเส้นทางสายดนตรีที่เธอเลือกอย่างไรเพื่อไม่ให้ผิดพลาดเหมือนเขา
มากไปกว่านี้ ด้านความเป็นมนุษย์ของบิลลี่ก็มีให้เห็นอย่างหมดเปลือก ตรงที่ในเรื่องนี้มีการโฟกัสอาการโรคทูเร็ตต์ของเธอ ซึ่งเป็นโรคติกส์ที่มีความผิดปกติทางระบบประสาทที่ทำให้ไม่สามารถควบคุมอาการกระตุกของกล้ามเนื้อได้และการทำเสียงออกมาโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเธอก็เคยออกมาพูดเรื่องนี้ในสัมภาษณ์รายการอื่นๆ มาก่อนแล้ว แต่ใน Billie Eilish: The World’s A Little Blurry เราจะได้เห็นผลกระทบของโรคนี้อย่างชัดเจน ซึ่งแม้จะเป็นภาวะที่ไม่มีใครอยากเป็นและน่าจะทรมานไม่น้อย แต่เรากลับมองว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะเราได้เห็นศิลปินไอดอลคนหนึ่งกล้าที่จะไม่เลือกตัดฉากพวกนี้ออกไปเพราะกลัวตัวเองจะดูไม่ดี ดูไม่สวย
ด้านความรักก็เป็นอีกหนึ่งมิติของ Billie Eilish: The World’s A Little Blurry ที่เชื่อว่าแฟนเพลงจะให้ความสนใจเป็นพิเศษและทำให้เห็นถึงแง่มุมอันเปราะบางของบิลลี่ โดยในช่วงปี 2019 เธอได้คบหากับนักร้อง แบรนดอน คิว อดัมส์ แบบเงียบๆ ซึ่งในสารคดีเรื่องนี้เราได้เห็นถึงผลกระทบต่อสภาพจิตใจของความสัมพันธ์นี้ที่ฝ่ายหญิงเป็นนักร้องวัย 17 ปีที่กำลังโด่งดังที่สุดในโลก ซึ่งเธอไม่ได้เหลิงกับชื่อเสียง แต่เธอกลับเป็นผู้ให้ที่พยายามทุ่มเทแรงกายแรงใจเต็มร้อยให้ความรักอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้ไปรอด แต่ฝ่ายชายไม่ได้ให้เท่ากันและตอนท้ายก็ต้องเลิกกันไป
แต่คนที่สามารถให้ความรักเธอได้อย่างไรที่ติและเต็มเปี่ยมก็คือครอบครัวของเธอที่ประกอบไปด้วยคุณแม่, คุณพ่อ และพี่ชาย ซึ่งในสารคดี Billie Eilish: The World’s A Little Blurry ทำให้เห็นว่าเธอโชคดีมากที่มีคนเหล่านี้ล้อมรอบชีวิตเธออยู่ตลอดเวลา ให้เกียรติและพื้นที่ในการตัดสินใจว่าอยากทำอะไรกับชีวิต และที่สำคัญสุดคือทรีตบิลลี่เหมือนเป็นมนุษย์คนหนึ่ง แทนที่จะเป็นสินค้าหรือผลผลิตเพื่อทำเงินอย่างเดียว ซึ่งซีนสุดเบสิกต่างๆ ที่ถ่ายหลังบ้าน เช่น ตอนคุณพ่อช่วยล้างรถให้บิลลี่กลับมีอิมแพ็กมากกว่าซีนเทศกาลเพลง Coachella หรือตอนเธอเดินทางทัวร์รอบโลกด้วยซ้ำ โดยเราก็ได้แค่หวังว่าในอีก 5, 10 หรือ 20 ปีข้างหน้า ถ้าบิลลี่จะตัดสินใจทำสารคดีอีกครั้งหนึ่งตอนทำอัลบั้มชุดที่ 4 หรือชุดที่ 8 อยู่ เราจะยังได้เห็นมิตรภาพและความรักอันอบอุ่นของเธอและครอบครัวที่เป็นกาวสำคัญในชีวิตของเธอ และเป็นสิ่งที่ย้ำเตือนเธอว่าหากไม่มีพวกเขาในวันนั้น เธอก็จะไม่มีวันนี้
สามารถรับชมสารคดี Billie Eilish: The World’s A Little Blurry ได้แล้ววันนี้ผ่านทาง Apple TV+
ภาพ: Apple TV+
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล