คลื่นลูกใหม่ของรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก (EV) กำลังเข้ายึดครองท้องถนนทั่วโลก แม้ว่าโลกส่วนใหญ่จะยอมรับรถยนต์ไฟฟ้าเหล่านี้ แต่อเมริกากลับไม่ได้กระโจนเข้าสู่กระแสนี้
ในเมืองพีชทรีซิตี้ รัฐจอร์เจีย ซึ่งอยู่ห่างจากแอตแลนตาเพียงไม่กี่ก้าว เครือข่ายเส้นทางยาวกว่า 100 ไมล์ได้ให้บริการแก่ผู้อยู่อาศัย 38,000 คนมานานหลายทศวรรษ เส้นทางเหล่านี้สร้างขึ้นครั้งแรกในปี 1974 สามารถรองรับรถกอล์ฟได้ แต่ไม่สามารถรองรับรถยนต์ได้ สำหรับชาวอเมริกันจำนวนมากแนวคิดเรื่องรถกอล์ฟอาจถูกมองว่าเป็นสิ่งแปลกใหม่ แต่โครงสร้างพื้นฐานของเมืองดังกล่าวให้ภาพที่แตกต่างออกไป
ในระดับสากลมีโครงสร้างพื้นฐานที่แพร่หลาย เพื่อรองรับทางเลือกรถยนต์ขนาดเล็กที่ออกแบบมาสำหรับการเดินทางระยะสั้นใจกลางเมือง เป็นผลมาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีแบตเตอรี่และต้นทุนการผลิตที่ลดลง เนื่องจากมอเตอร์ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพและราคาไม่แพงมากขึ้น ผู้ผลิตทั่วโลกจึงผลิตยานพาหนะที่หลากหลายตั้งแต่รถสองล้อไปจนถึงรถสี่ล้อขนาดเล็ก
ในอดีต รถยนต์ขนาดเล็กประสบความสำเร็จในส่วนต่างๆ ของโลก ญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีรถยนต์ Kei เพิ่มขึ้น และ Smart Fortwo ได้รับความนิยมในสหรัฐอเมริกาเมื่อช่วงต้นทศวรรษ 2000 ส่วน Hongguang Mini ของจีน ซึ่งเป็นรถยนต์ EV ขนาดเล็กที่มีราคาต่ำกว่า 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ ครองสถิติยอดขายในท้องถิ่นมาตั้งแต่ปี 2020
ในปี 2020 ยุโรปได้เห็นการเปิดตัวของ Citroën Ami ด้วยราคาเพียง 8,400 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 3 แสนบาท ทำความเร็วได้ 28 ไมล์ต่อชั่วโมง ทำให้เหมาะสำหรับถนนแคบๆ ในยุโรป แม้จะมีประสิทธิภาพที่พอประมาณ แต่ความนิยมก็เพิ่มสูงขึ้นในฝรั่งเศส เนื่องจากราคาที่เอื้อมถึงได้ และความจริงที่ว่าเด็กอายุ 14 ปีสามารถขับรถคันนี้ได้อย่างถูกกฎหมาย Alain Le Gouguec จาก Citroën ตั้งข้อสังเกตว่ายอดขายของ Ami เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าของยอดขายรถสี่ล้อขนาดเบาก่อนหน้านี้ในฝรั่งเศสในเวลาเพียงหนึ่งปี
อย่างไรก็ตาม วิวัฒนาการไม่ได้หยุดอยู่ที่ Ami เท่านั้น บริษัทหลายแห่งรวมถึงบริษัทสตาร์ทอัพกำลังเปิดตัวรถยนต์ที่รับประกันฟังก์ชันการทำงานของรถยนต์แต่มาในรูปแบบกะทัดรัด ยกตัวอย่างเช่น Microlino ผลิตในอิตาลีโดยบริษัท Micro ในสวิตเซอร์แลนด์ รถคันนี้มีราคา 16,000 ดอลลาร์ ให้ความเร็วสูงสุด 55 ไมล์ต่อชั่วโมง และช่วงตัวแปรระหว่าง 59-143 ไมล์ ขึ้นอยู่กับขนาดแบตเตอรี่ที่เลือก ยานพาหนะที่คล้ายกัน เช่น Yoyo, Duo ของ Renault และ Luvly O ของสวีเดน ก็กำลังเข้าสู่ตลาดเช่นกัน
Håkan Lutz ซีอีโอของ Luvly เน้นย้ำว่า วิสัยทัศน์ของเขาคือการนำเสนอทางเลือกที่มากกว่ารถยนต์ทั่วไป ซึ่งเป็นยานพาหนะที่เบากว่า กะทัดรัดกว่า และต้องใช้ทรัพยากรน้อยลง ยานพาหนะคันนี้ได้รับการออกแบบด้วยแผงไฟเบอร์กลาสที่มีความแข็งแรงสูง ชวนให้นึกถึงโครงสร้างของกระดานโต้คลื่น โดยคาดว่าจะมีราคาขายปลีกอยู่ที่ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเชื่อในศักยภาพ McKinsey ประมาณการว่าตลาดรถขนาดเล็กทั่วโลกอาจเพิ่มขึ้นเป็น 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030 จากการประเมินมูลค่าในปัจจุบันระหว่าง 3-4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ อาจไม่ได้มีส่วนสำคัญในการเติบโตนี้ Soumen Manal จาก Counterpoint Research อ้างถึงความพึงพอใจของผู้บริโภคชาวอเมริกันที่มีต่อยานพาหนะขนาดใหญ่ว่าเป็นอุปสรรคสำคัญ หน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐอเมริกายังยืนยันในเรื่องนี้อีก โดยสังเกตเห็นแนวโน้มของขนาดยานพาหนะที่เพิ่มขึ้นทุกปี
บางทีโครงสร้างพื้นฐานก็มีบทบาทเช่นกัน ถนนที่กว้างขวางในอเมริกาซึ่งสร้างขึ้นเพื่อความรวดเร็วเป็นหลัก อาจกีดขวางการใช้ยานพาหนะขนาดเล็กได้ การเปลี่ยนแปลงของยุโรปไปสู่ถนนคนเดินและถนนที่เป็นมิตรต่อนักปั่นจักรยานในทศวรรษ 1970 เป็นผลมาจากการลดการพึ่งพารถยนต์
ในท้ายที่สุด ขณะที่โลกมุ่งสู่การขนส่งที่ยั่งยืนและกะทัดรัดมากขึ้น ทำให้อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าสหรัฐฯ จะเข้าร่วมการปฏิวัติเมื่อใดกัน
ภาพ: Courtesy of Citroën
อ้างอิง:
